Archive for October, 2008


วันก่อนได้เขียนเมล์ไปหา “ใบพัด” นักเขียนเรื่อง “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” และ “ฟินแลนด์ไม่มีแขน” ที่เราอ่านจบไปแล้ว ในหนังสือจะมีเมล์ของใบพัด baipad2001@hotmail.com เราก็เลยอยากเขียนไปชื่นชมว่า เราชอบหนังสือของเขามาก ไม่คิดว่าเขาจะตอบมา ดีใจ อิอิ

RE: หวัดดีใบพัด‏
From:  Baipad Manager (baipad2001@hotmail.com)
Sent:  Thu 10/30/08 6:02 AM

สวัสดีคนหัวอกเดียวกัน 🙂

อ่านจดหมายคุณด้วยความตื่นเต้น ดีใจ
และต่อด้วยการตามไปเยี่ยมบ้านคุณในบล็อก
ก่อนจะจบลงด้วยความสุข กับความรู้สึกว่า
แรงบันดาลใจนี่มันส่งต่อถึงกันได้จริงๆ
ผมเดินทางแล้วได้รับสิ่งดีๆ ที่การเดินทางมอบให้
จากนั้นเอามาเขียนถ่ายทอดเองในห้องเหลี่ยมๆ เงียบๆ ก่อนจะมีสนพ.ให้โอกาสเอาไปตีพิมพ์
แล้ววันนี้ก็มีจดหมายฉบับสำคัญที่ส่งกลับมาทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำไปมีอะไรอยู่เหมือนกันแฮะ 🙂
ดีใจครับ แล้วสิ่งที่คุณส่งมาก็เป็นกำลังใจดีๆ ที่มีค่ามากจริงๆ ในเวลานี้ (กำลังลุยทำงานเล่มใหม่อยู่)
ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ค่อยรู้เลยโลกภายนอกเป็นยังไงบ้าง
ยินดีนะที่ได้รู้จักเด็กติ๋มอีกคนที่อยู่โลกภายนอก

นัดกับนิ้วกลม(โตเกียวไม่มีขา)แล้วแหละว่า ถ้ามีประเทศไหนอวัยวะหายไปอีก จะไปลุยด้วยกัน 🙂

สุขง่ายๆ ทุกข์น้อยๆ
เราเอง
ติ๋มในกะลา

นี่บ้านเรา
http://baipadPhanumas.hi5.com

———————————

เราจำได้ว่าตอนเด็กๆ เราชอบอ่านหนังสือเรื่อง “ห้าสหายผจญภัย” The Famous Five ที่เขียนโดย Enid Blyton มากๆ มีทุกเล่มเลย ประมาณ 21 เล่ม แล้วเราก็เลยเขียนจดหมายไปหาผู้แปลหนังสือเรื่องนี้ คุณกัณหา แก้วไทย วาดรูปอะไรเยอะแยะเลย ในจดหมาย

แล้วคุณกัณหาก็ตอบมา บอกว่าเราวาดรูปเก่งจัง น่าจะเรียนด้านสถาปัตย์ตอนโต ให้ตั้งใจเรียน

เราน่าจะตั้งใจเรียนนะเนี่ย เด็กๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย ไม่น่าโตมาแล้วเกเรเลย

Dunkin’ Donuts

Dunkin’ Donuts

ตื่นตอนน้องก้อยส่ง SMS มาหา คิดถึงน้องก้อย ก็เลยจะไปหาที่ธรรมศาสตร์ ก่อนไปก็กินข้าวเที่ยงกับพ่อแม่ก่อน จากนั้นก็ไป TOPS ไปซื้อ Dunkin’ Donuts 20 ชิ้น ไปฝากน้องก้อย เพื่อนน้องก้อย และรุ่นน้องของน้องก้อย และก็ไปซื้อสปาเกตตี้ให้น้องก้อยที่ S&P

พอดีเพิ่งทราบมาว่า Dunkin เค้าชนะ Starbucks ในการเทสต์แบบไม่บอกว่านี่คือกาแฟยี่ห้ออะไร (Blind Taste) ผลที่ออกมาพบว่าคนอเมริกันเลือกกาแฟของ Dunkin มากกว่าของ Starbucks

ไปถึงธรรมศาสตร์ตอนบ่ายสามโมง และก็รอน้องก้อยซ้อมหลีดจน 16.30 น. ฝนตกรถติดตลอดทาง น่าเบื่อจริงๆ

ระหว่างทางกลับบ้าน ผิงโทรมาหา ผิงเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนโรงเรียนเบญจมินทร์ อยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาล จนประถม 5 ผิงจะช่วยเราหางาน น่ารักมากเลย ขอบคุณนะจ๊ะ คุยกับผิงแล้วก็ตลกดี นึกถึงตอนเด็กๆ

ผิงถามว่านี่ไปส่งน้องก้อยมาเหรอ แหม… ถามแบบนี้ แสดงว่าเป็นแฟนบล็อก Juth.Net เพราะขนาดไม่ได้คุยกับมามากกว่าสิบปี ยังรู้ว่ากิจวัตรประจำวันมีแค่นี้ คือไปรับไปส่งน้องก้อย 🙂

ผิงบอกว่าดู hi5 ของเราแล้ว หวานมาก ยิ่งอัลบั้มหัวหิน ยิ่งหวานนนน เลยถามว่าเรารู้จักน้องก้อยได้อย่างไร และก็ถามว่า “น้องก้อยเค้ามาติดใจอะไรส้ม ถึงได้เป็นแฟนกันนี่” อิอิ ไม่รู้เหมือนกัน น้องคงหลงผิด ใช่ป่ะจ๊ะ

Valuable

วันนี้อยู่บ้านทั้งวันเลย อ่านหนังสือ “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” จนจบเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่อยากไปอินเดียเลย อิอิ ชอบข้อคิดในเรื่อง ที่หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ชื่อ “ทูยย์” ได้บอกกับผู้เขียนว่า

ทุกคนน่ะ มีคุณค่านะ ถ้าไม่ค่อยมีคนเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่อาจจะถูกเก็บไว้ รอคนตาดีๆ มาเห็น…เหมือนแฟนเธอไง

ถ้าเราไม่ได้เป็นคนสำคัญมากของใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไร้ค่า เราคงไม่สามารถเป็นคนมีค่าสำหรับคนทุกคนได้ คนที่นั่งคร่ำครวญว่าตัวเองไร้ค่า ก็อาจจะกลายเป็นคนไร้ค่าไปเสียจริงๆ

อ่านหนังสือของใบพัดทีไร ก็รู้สึกดีทุกที วันนี้กดสมัครงานไปหลายที่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ช่วงนี้งานก็หายากเหลือเกิน

คิดถึงน้องก้อยจังเลย ตอนนี้ทำอะไรอยู่นะหมีน้อย

Department of Employment

เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน

ไปขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 9 ตรงถนนนวมินทร์ ถ้าจำไม่ผิดเรามาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว เหมือนจะเป็นเดจาวูเลย ทำไมเราต้องไม่มีงานทำ ในทุกช่วงเวลานี้ของปีด้วยน๊า ก่อนไปก็เตรียมเอกสารให้ครบ มีสำเนาบัตรประชาชน และก็สำเนาหน้าแรกบุ๊คแบงค์ ระหว่างไม่มีงานทำเค้าจะให้เงิน 30% ของเงินเดือน เป็นจำนวน 90 วัน

เมื่อคืนนอนอ่านหนังสือ ฟินแลนด์ไม่มีแขน จนจบ ชอบมากเลย ชอบสิ่งที่ “พี่นก” ได้สอนผู้เขียน “ใบพัด” ว่า

อย่านึกว่าทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแล้วโลกทั้งโลกจะเอ็นดูทะนุถนอม หรือเที่ยวไปโอดครวญชีวิตลำเค็ญของตัวเองให้ใครฟัง แล้วนึกว่าเขาจะสงสารเรา มันไม่จริงหรอก ไม่เลย ไม่มีใครเขาสนใจปัญหาของเราอย่างแท้จริง เรื่องทุกข์ใจของเรา เป็นแค่เรื่องที่ทำให้คนอื่นสบายใจ ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา

ตอนอ่านเรื่องนี้ รู้สึกว่าผู้เขียนเหมือนเราเมื่อปีที่แล้ว กับปีนี้รวมๆ กันไงไม่รู้ เหมือนในแง่ที่ว่าตกงานเหมือนกัน เบื่อเป็นคนทำงานออฟฟิศ และโชคดีได้ไปต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียเงิน (เมื่อปีที่แล้วเราตกงาน แล้วก็ได้ไปสิงค์โปร์กับ Nokia ฟรีๆ)

ในหนังสือบอกว่าให้มองข้อดีของการตกงาน ว่าไม่ต้องเจอรถติดทุกวัน  ดูหนังที่อยากดู มีเวลาอ่านหนังสือ อยู่บ้าน ทำอะไรที่อยากทำ ก็จริงนะ ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ระหว่างที่หางานทำ เราก็นอนอ่านหนังสือ อยู่บ้านกับพ่อแม่ พี่นุ๊กพี่โอ๋ และน้องก้อย ดีกว่ามานั่งเครียด

วันนี้หลังจากไปสำนักจัดหางาน ก็ไปหาน้องก้อยที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ระหว่างรอน้องก้อยมา ก็ดูหนังสือที่แพร่พิทยาไปเรื่อยๆ ซื้อหนังสือ “คันจิไม่ยาก” มา ไว้หัดเขียน และจำ พอน้องก้อยมาก็ไปกิน Sukishi กัน และก็ไป C-plus ซื้อเกม RayCity Online มาเล่น

แล้วก็ไป Paragon น้องก้อยไปดูที่เรียนเต้น ไปดูที่ Bangkok Dance แต่เราว่าเราชอบที่สยามฯ มากกว่า นอกจากนั้นเราก็ถือโอกาสไปถามโรงเรียนสมุดไท ว่าเค้ารับครูสอนศิลปะไหม เค้าบอกว่ารับ ก็เลยคิดว่าไว้โอกาสหน้าจะเอาเอกสารมาสมัครงานที่นี่ด้วย

จากนั้นก็เดินไปซื้อหนังสือ “เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน” ของใบพัด (คนเขียนเดียวกับ ฟินแลนด์ไม่มีแขน) ที่ร้าน SE-ED

พรุ่งนี้จะอ่านหนังสือทั้งวันเลย

Sneeze The Day

I am sneezing too much all day! วันนี้จามทั้งวันเลย น้ำมูกไหลตลอดเวลา ยิ่งตอนเรียนภาษาญี่ปุ่นนี่ เช็ดน้ำมูกตลอดเวลา มีตอนหนึ่งอาจารย์ญี่ปุ่น Hanamura-sensei ถามว่าเบียร์ญี่ปุ่นมีอะไรบ้างทราบไหม ด้วยความที่ยังมีวิญญาณแอร์ฯ อยู่ในตัวบ้าง เลยตอบไปในทันทีว่า Asahi, Kirin, Sapporo, Suntory … อาจารย์คงว่าอินี่ มันเคยไปกินมาหมดแล้วหรือไงนี่

หลังจากเลิกเรียน เราก็ไป Siam Paragon กัน ไปนั่งกินไอติม The Cream&Fudge Factory อยากกินมานานแล้ว วันนี้ลองดูซักที กินสองถ้วยออกมา 400 บาทพอดี (โอ้ว แพงไปไหนคะ) หน้าตาไอติมดูน่ากินมากมาย เอาฟะ ถ้าอร่อยก็ไม่เป็นไร

แต่พอกินไปแล้ว มัันก็ไม่ได้อร่อยเท่าไหร่ ยิ่งพอนึกถึงราคา ก็แบบว่า เอิ่ม… แพงจังเลย กินเสร็จพอลุกเดินออกไป พนักงานรีบวิ่งตามเรามา บอกว่าเราลืมกุญแจรถไว้ ต้องขอบคุณพนักงานเค้าใหญ่เลย และก็โดนน้องก้อยดุอีกตามระเบียบว่าลืมได้ไง ฮือๆ

แล้วก็ไปส่งน้องก้อยที่บ้าน จากนั้นเราก็กลับบ้านมานอน เพราะปวดหัว ตัวร้อน น้ำมูกไหลตลอด

Akismet

กำ! แย่แล้ว กำลังเซตตัว Akismet ในบล็อก เพื่อช่วยป้องกัน spam comment ตอนกำลังใส่ API key และก็อะไรต่างๆ นาๆ ดันไปลบ comment ล่าสุดไปหมดเลย ลบไปทั้ง comment ของเพื่อน และ spam ลบไปหมดเลย

แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮือๆๆๆๆ เซ็งเป็ด

ไปดูน้องก้อยเล่น Audition ดีกว่า

Time To Read

ฟินแลนด์ไม่มีแขน

เมื่อวานไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่งบนถนนพระราม 9 ไปถึงก่อนเวลาเกือบ 15 นาที แต่กว่าจะได้เข้าไปสัมภาษณ์ก็นั่งรอจนเกินเวลานัดไปเกือบ 15 นาที เช่นกัน บริษัทนี้เน้น design ในการทำเว็บๆ หนึ่งขึ้นมา เรียกว่า design มาก่อน function (แตกต่างจากบริษัทที่เพิ่งทำมาจริงๆ อันนั้น function ต้องมาก่อน design และ design ก็เอาไว้หลังๆ ซะด้วย)

คำถามยอดฮิต คือ คุณทำอะไรยามว่าง ในใจก็นึกว่าจะตอบอะไรดี เราควรจะตอบอะไรให้ตัวเองดูดีไหม เช่น หัดเขียน CSS ศึกษาเรื่อง AJAX อ่านหนังสือ web 2.0 design

แต่ก็ไม่เอาดีกว่า ก็เลยตอบไปว่าเล่นเกมส์ และก็ไม่เคยทำอะไรมีสาระเลยในเวลาว่าง เพราะทำงานก็เหนื่อยแล้ว ยามว่างอยากทำอะไรสบายๆ

จากนั้นก็ไปหาน้องก้อยที่ Silom Complex ไปกินข้าว เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ไปกินกันที่ Little Home กินข้าวเสร็จแล้ว ก็แน่นอน ต้องกิน Pancake แสนอร่อย

และก็ไป SE-ED จะไปซื้อหนังสือ “โตเกียวไม่มีขา” ของนิ้วกลม แต่ว่าหมดแล้ว เลยซื้อ “ฟินแลนด์ไม่มีแขน” ของใบพัด มาแทน (ต่อไปจะเป็นประเทศอะไรที่ไม่มีหัวอีกเนี่ย) น้องก้อยถามว่าเมื่อไหร่จะเอาหนังสือ Harry Potter ภาคที่ยังไม่ได้อ่าน มาอ่านซักที เราก็บอกว่ายังไม่มีอารมณ์อ่านเลย

ขณะที่ยืนดูหนังสืออยู่ก็เห็นหนังสือ “Only Love Is Real” ของ Brian L. Weiss, M.D. ชื่อไทยคือ “เราจะข้ามเวลามาพบกัน” พิมพ์ใหม่ มี CD เพลงด้วย เลยบอกน้องก้อยว่าเล่มนี้ดีมากเลย อยากให้น้องก้อยอ่าน พี่จะซื้อให้นะ น้องก้อยก็ถามว่าหนังสืออะไรเหรอ ก็เลยบอกว่าลองอ่านดูนะ พี่ชอบ แต่ไม่รู้น้องก้อยจะชอบไหม

จากนั้นก็ไปส่งน้องก้อยที่บ้าน ระหว่างทางจะกลับบ้านเรา รถติดมากเลยเพราะฝนตก เลยเอาหนังสือฟินแลนด์ไม่มีแขนมาอ่าน สนุกดี

ตอนกลางคืนไม่รู้เป็นไร ปวดหัวมาก จนนอนไม่ได้ ทรมานมากๆ และก็อ๊วกไปสามหน จนเหนื่อยหลับไป ตอนเช้าเล่าให้แม่ฟัง แม่คิดว่าเราเครียด ดูเหมือนจะไม่เครียด แต่เราคงเครียดมากๆ แม่เลยให้หาอะไรทำ อย่าไปคิดมาก

Vichian Building Apartment

Lotus Basin

เนื่องจากมีเวลาว่างซักที ก็เลยมา re-design web อพาร์ทเมนต์ Vichian Building ซะเลย เริ่มต้นด้วยการไปถ่ายรูปตึก และภายในห้องก่อน จากนั้นก็ถ่ายรูปดอกไม้รอบๆ ตึก

นี่ก็บ่อบัวที่มีปลาทองว่ายอยู่ ตอนแรกมีแค่สองตัว ที่ได้มาจากการตักปลาทองคราวที่แล้ว ตัวที่เราตั้งชื่อ ได้หายไปจากบ่อบัวอย่างลึกลับ คาดว่าโดนนกคาบไปกิน เหลือแต่ตัวของน้องก้อย (วงกลมไว้ในภาพ) คือเจ้าคึกคัก เหลืออยู่ตัวเดียว ที่นับวันจะตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ (เหมือนน้องก้อยเลย) พ่อแม่สงสารกลัวมัันจะเหงา ก็เลยไปซื้อปลาทองมาเป็นเพื่อนมันอีกเต็มเลย

อยู่บ้านว่างๆ ก็ดีไปอย่าง ได้อยู่กับพ่อแม่ และก็มาดูตึก ได้ทำให้เห็นว่า เราต้องเก็บเงินไว้ทาสีตึกให้ได้เลย จะได้สวยๆ กว่านี้

Thank you Sanook

Sanook

ทำงานที่ Sanook มาครบ 1 ปี พอดีเลย เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ มีแต่เพื่อนร่วมงานดีๆ ทำงานก็มีความสุขมาก ต้องขอบคุณทุกๆ คน ที่ Sanook นะคะ ที่เป็นห่วง และให้กำลังใจมาตลอด

ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การ Lay-Off พนักงาน จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว แต่ก็เข้าใจนะคะ ยังไงก็อย่าลืมกันนะจ๊ะ เจอกันใน QQ น๊า 🙂

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.