Archive for December, 2008


คะแนน CU-TEP ออกแล้ว

คะแนน CU-TEP

เพิ่งเข้าไปเช็คผลสอบ CU-TEP ในเว็บของศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นคะแนนแล้วก็โอเคนะ สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือมา ถ้าเราไปติว CU-TEP ก็คงจะได้คะแนนสูงกว่านี้ แต่อันนี้ไม่ได้ติว แล้วไปสอบเลย ก็ควรจะพอใจเนอะ

ปล. สำหรับคนที่อยากติว CU-TEP แนะนำโรงเรียนเฮ้าส์ ออฟ กริฟฟิน ดูรายละเอียดที่นี่ www.houseofgriffin.com

Gay Acceptance

รักแห่งสยาม

วันนี้ออกไปกินข้างกลางวันกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อย ซึ่งต้องนั่งรถกันไปกิน หัวหน้าได้ขับรถพาน้องๆ ออกไปกิน ระหว่างที่กินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ ก็ได้พูดคุยกันถึงหนังที่แต่ละคนได้ไปดูมา บางคนไปดู “ฝัน หวาน อาย จูบ” มา ก็ให้ความเห็นว่าผิดหวัง เพราะนึกว่าจะดีเหมือน “รักแห่งสยาม”

หัวหน้าก็เลยบอกว่า “รักแห่งสยาม มันหนังเกย์นี่หว่า”

ลูกน้องตอบ “มันเป็นหนังครอบครัวนะ”

หัวหน้า “มันเป็นหนังเกย์”

เราก็เลยบอกว่า “มันเป็นหนังที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ดู ก็จะได้ข้อคิดเกี่ยวกับถ้าเรามีลูกเป็นเกย์ จะได้เข้าใจ ถึงสิ่งที่ลูกเป็น”

หัวหน้า “มันไม่ควรจะออกสื่อ เรื่องเกย์อะไรนี่ มาออกสื่อกันว่ายอมรับ ยอมรับ กัน อย่างเอากระเทยมาออก เอาเพื่อนมาสัมภาษณ์บอกว่ารับได้ไหม เพื่อนก็ตอบว่ารับได้ๆ พี่อยากถามว่า ถ้าเป็นลูกมันเป็น มันจะรับได้ไหมวะ”

เราเลยถามว่า “พี่ก็มีลูกน้องเป็นเกย์ (หมายถึงเราเอง) …”

หัวหน้าบอกว่า “มันคนละเรื่องกัน”

มันก็เลยทำให้เราเอามาขบคิดว่า มันก็ไม่ใช่ทุกคนจริงๆ นะ ที่จะยอมรับในคนแต่ละคนเป็น ไม่ใช่ว่าเค้าเป็นคนไม่ดีนะ ที่ไม่ยอมรับ แต่มันก็มีเรื่องอคติ มาขวางกั้นความเข้าใจไว้ เหมือนคล้ายๆ ไม่เป็น ไม่เจอ ก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก

เหมือนโอเค เรายอมรับได้ถ้าเค้าเป็นลูกน้องเรา เป็นผู้ร่วมงาน แต่ถ้าเค้ามาเป็นลูกเรา เราไม่โอเค งั้นต้องลองถามตัวเองดูว่า “จะยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น หรือสิ่งที่อยากให้ลูกเป็น” คุณรับไม่ได้ถ้าเค้าเบี่ยงเบน คุณต้องทำไง เอาแส้ฟาดเค้าไหม

ถึงแม้ว่า Poll ในต่างประเทศจะออกมาว่า New polls show gay acceptance on the rise แต่เราว่ามันก็ยังทำให้คนที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมการ “ไม่ยอมรับ” มีปัญหา ไม่ใช่ว่าคนเป็นเกย์ มีปัญหานะ แต่คนรอบข้างที่ไม่ได้เป็นน่ะ “ทำให้เป็นปัญหา” มันก็เลยเป็นปัญหา

คนจะเป็นเกย์ ไม่ใช่ดูทีวีทุกวัน เห็นเกย์ในทีวีเค้าจะเป็นเกย์นะ มันมาจากจิตใจ ถ้างั้นเราถามกลับบ้างว่า หนังส่วนใหญ่ 98% เป็นหนังปกติ ช รัก ญ ปกติ เราดูตั้งแต่เด็ก ทำไมเราไม่เป็นคนที่ชอบ ช ล่ะ ถ้ามันจะมีอิทธิพลขนาดนั้น

สิ่งที่เป็นคืออะไร มันคือสิ่งที่คุณมองว่าเค้าเป็นอะไร เค้าเป็นเกย์ แต่เค้าเป็นลูกที่ดีหรือเปล่า เค้าเป็นเกย์ แต่เป็นคนดีในสังคมหรือเปล่า เค้าเป็นเกย์ แต่เป็นลูกน้องที่ดีหรือเปล่า การที่สื่อเอาเรื่องเกย์ออกมา แล้วอยากให้คนยอมรับ เพราะมันมีคนดูอีกมากมาย ในหลืบในซอกสังคม ที่ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจ ให้เค้ารับรู้ว่าเค้าไมไ่ด้อยู่คนเดียวในสังคม ให้คนได้มองโลกในอีกแง่ ที่เค้าอาจจะไม่เคยเจอเลย ในชีวิตประจำวัน การออกมายอมรับว่าเราเป็นเกย์ มันดีกว่าการที่เราต้องเสแสร้งแต่งงาน มีครอบครัว ทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการ สื่อต้องการแสดงให้เห็นว่า โลกเราไปถึงไหนแล้ว รสนิยมทางเพศไม่ใช่อุปสรรคในการพัฒนาสังคม

ชาย หญิง ตุ๊ด เกย์ กระเทย ทอม ดี้ ก็ต้องมีทั้งคนดี และคนไม่ดี แต่ก็อยากให้มองเป็นตัวบุคคลไป เพราะก็ไม่ใช่ว่าเป็น ตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นทอม มันจะต้องแย่ไปซะหมด

พ่อแม่เรามีลูกเป็นเกย์ สิ่งที่เค้าบอกออกมาคือ “ลูกจะเป็นอะไร พ่อแม่ก็รัก ขอให้เป็นคนดีก็พอ” การอยู่ในครอบครัวที่มาจากความรัก ความเข้าใจ มันทำให้คนเติบโตมาเป็นคนดี ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหน

เคยมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เรารู้จัก เค้าเคยพูดไว้ว่า ถ้าพี่มีลูกเป็นเกย์ เป็นทอม เป็นดี้ เป็นกระเทย พี่ไม่ว่าหรอกนะ ขอแค่ให้เค้าเป็นคนดีก็พอ พี่คนที่พูดเป็นผู้ชายแบบแมนๆ มาก มีหนวดมีเครา ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดแบบนี้

หนังรักแห่งสยามเป็นหนังดีนะ มันแสดงอารมณ์มากมาย ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะเป็นไง คนเป็นลูกเองก็ไม่ได้อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง แต่มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว จะให้ทำอย่างไร

อยู่กันในสังคม ให้ผลงานกับความดีนั้น วัดคุณค่าในตัวคน มากกว่ารสนิยมทางเพศดีกว่า

ไปดูหนัง Happy Birthday มาแล้ว

Happy Birthday

เมื่อวานไปดูหนังเรื่อง Happy Birthday ที่ Paragon รอบ 21.00 น. ตอนแรกเลือกซื้อที่นั่งแถว A แต่ว่านั่งๆ อยู่ก็มี cockroach ตัวเล็กเดินอยู่บนที่นั่ง น้องก้อยก็กรี๊ดออกมา เลยขนย้ายข้าวของหนีไปนั่งแถว B กัน

หนังเรื่องนี้ภาพสวยมาก ตอนเริ่มเรื่องแรกๆ ก็จะเห็นถึงความรักที่เค้ามีให้กัน แต่พอถึงฉากรถมินิบัส ชนรถของนางเอกเท่านั้น เราก็น้ำตาไหลทันที และก็ไม่ได้หยุดไหลเลยจนหนังจบ น้องก้อยก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเรื่อง ออกมาจากโรงหนังหน้าเยินกันทั้งคู่

อนันดา เล่นเก่งมาก เล่นแบบถึงบท ส่วนนางเอกเรื่องนี้ 60% คือนอนไม่ได้สติอย่างเดียว คุณพงษ์พัฒน์เป็นผู้กำกับที่ดำเนินเรื่องเก่ง ไม่น่าเบื่อ ไม่ยืดยาว เวิ่นเว้อ แต่หนังจะสมบูรณ์กว่านี้มากๆ ถ้าคุณพงษ์พัฒน์เปลี่ยนคนที่เล่นเป็นพ่อแม่นางเอก เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพกว่านี้ ที่เล่นเก่งกว่านี้ เช่น คุณสุเชาว์ หรือดารารุ่นเก๋าๆ คนอื่น เพราะอนันดาเล่นส่งมาให้ซะดิบดี แต่พอตัดภาพมาที่พ่อแม่นางเอก เอ่อ… ทำไมแข็งแบบนี้ หมดกันเลย

มันดูไม่สื่อว่าพ่อแม่นางเอก ก็ต้องทำใจลำบาก ที่ต้องเห็นลูกเค้าในสภาพแบบนี้ ว่าเค้าตัองตัดสินใจให้เอาสายออกซิเจนออก มันน่าจะมี detail ในตัวละครมากกว่านี้ว่าทำไมเค้าถึงไม่ได้มาดูแลลูกเลย ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ บลาบลา

นอกนั้นหนังก็ดูดีหมด ดูแล้วต้องรีบมากอดแฟน ดีใจที่เรายังมีแฟนให้ดูแล

ปล. เราว่าเพลง “ถ้ายังรัก” ของ Crescendo เหมาะจะเป็น Soundtrack หนังเรื่องนี้นะ

Sunny Sunday

ชาชักที่ตลาดนัดจตุจักร

เมื่อวานไปเดินจตุจักรกับน้องก้อยมา ว่าจะไปหาหน้ากากมาไว้สำหรับการเต้นเพลง Nobody ในงานเลี้ยงปีใหม่ของออฟฟิศ ปรากฏว่าไม่ได้หน้ากาก (สงสัยต้องไปซื้อที่สำเพ็ง) แต่ได้หมวก กับกระเป๋าผ้า (ไว้ลดการใช้ถุงพลาสติกมา) ส่วนน้องก้อยได้แหวน กับกำไลมา และก็ไปเดินดูหมา มีเจ้าหมาบีเกิ้ลด้วย แต่มันดูผอม และก็เหมือนจะป่วยมาก เห็นแล้วก็สงสารจัง ถ้ามีเงินก็อยากซื้อ อยากเอามาเลี้ยงดู จะได้อ้วนๆ

ก่อนจะออกจากจตุจักรก็แวะซื้อชาเย็น ที่คนขายเค้าจะร่ายรำอ่ะ แถวๆ สถานี MRT กำแพงเพชร เค้าคงต้องเมื่อยแขนน่าดูเลยเนอะ ต้องร่ายรำชาเย็นตลอดเวลา แต่ทำออกมาแล้วชาเย็นอร่อยดี

จากนั้นก็ไปเดินเล่นตรง Underground แล้วก็ไป Emporium ไปซื้อของขวัญไว้จับฉลากที่ Propaganda เราเลือกสมุดโน้ต ราคา 220 บาท เค้ากำหนดให้ของขวัญจับฉลากห้ามต่ำกว่า 200 บาท อยากจับได้ของตัวเองจัง

แล้วก็ไปกินข้าวเย็นกันที่ Pan Pan กินพิซซ่า Four Seasons กับสปาเกตตี้ อิ่มอร่อยแล้วก็ไปขับรถไปดูหนังกัน

อยากให้ทุกๆ วันรถไม่ติดแบบนี้จังเลย

My Choreographer

การแสดงโชว์งานปีใหม่ของบริษัท ในที่สุด Web Developer เสนอว่าเราควรเต้นเพลงของ Wonder Girls เช่น Nobody เพราะการเต้นมันง่ายสุดแล้ว ก็จริงนะ เราก็บอกว่า “อะไรก็ได้ จัดมา” แต่ในใจ “ฮือๆๆๆๆๆ”

เรา ก็ไม่ได้อยากเต้นหรอก แต่ไม่อยากอิดออด บ่น หรืออะไรให้มันน่าเบื่อ ถ้าต้องทำ ก็ทำไป ยิ่งทำงานกันเป็นทีม ถ้าคนโน้นอย่างได้อย่างนี้ คนนี้ไม่เอาอย่างนั้น ก็พอดี ไม่ต้องทำอะไร เพราะเต้นบ้าๆ บอๆ มันก็ดีกว่า การไปยืนเฉยๆ ทำหน้าเด๋อๆ บนเวทีใช่ไหม?

กลับบ้านไปหาน้องก้อยแบบหงอยๆ น้องก้อยกำลังอ่านหนังสือสอบ เราก็บอกว่า “เค้าต้องเต้นเพลง Nobody ของ Wonder Girls ล่ะ”

น้องก้อยตาโต “จริงเหรออออออออ”

เรา “งืม…….ไม่รู้ใครจะมาเป็น choreographer ให้”

น้องก้อยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

เรา “คนมาเป็นต้องสวยอ่ะ ต้องเต้นเก่งมากๆ น่ารัก หุ่นดี แสนดี…”

น้องก้อย “โอเค โอเค เดี๋ยวเจ๊จัดให้ ขอแกะท่าก่อน”

เรา ก็เลยเดินลงไปนั่งดูหนัง Transformers ข้างล่าง เพราะน้องก้อยไม่ให้มาเกะกะ นั่งดูหนังก็ได้ยินเสียงเพลง Nobody มาจากในห้อง … แล้วก็คิดว่า ทำไมเราต้องมาทำไรแบบนี้ด้วยฟะ

น้องก้อยเรียกไปข้างบนบอกว่า “ก้อยคิดให้แล้ว ดูเจ๊ดีๆ นะจ๊ะหนู”

น้องก้อยเต้น step แรกให้ดู เราเต้นตาม ถ้าใครได้ยินเสียงจากในห้อง คงจะมีแต่ประมาณว่า

“โอ้ยยยย ทำไมแข็งไปหมด”

“โยกเข้าอีก เอ้าไปข้างหน้า ไม่ใช่ๆๆๆๆ โยกแบบนี้ ก้อยทำให้ดู …. นี่ๆ แบบนี้”

“ไม่ใช่ๆ เอางี้ จับก้นเจ๊ไว้นะ แล้วดูนะว่าโยกไง”

“เอ้า ทีนี้หมุนๆ”

หลังจากนั้นก็จะเป็น……………

“เอาขาชิดๆ กันสิ”

“ตัวต้องเปิดหันไปหาคนดู เหวี่ยงแขนให้ต็มท่ากว่านี้อีก”

“ขา ผิดข้างแล้ว เอ้าๆ เอาใหม่ตั้งแต่ต้น”

“ย่ออีก มือไปทางนี้ ขาก็ต้องมาอีกทางสิ”

…. หนีเสือป่ะจรเข้เป็นที่สุด

ไปสอบ CU-TEP มา

STAEDTLER

เพิ่งกลับจากไปสอบ CU-TEP มา ไปสอบรอบ 8.30-12.00 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า จะได้มีเวลาไปนั่งอ่านหนังสือ เพราะเมื่อคืนอ่านหนังสือได้ไม่ถึงไหน ก็หลับไปเลย อุตส่าห์ซื้อหนังสือมา อ่านไปไม่ถึงครึ่งเลย เสียดายเพราะหนังสือเล่มนี้ดีทีเดียว ชื่อหนังสือ “รวมไวยากรณ์อังกฤษฉบับสมบูรณ์ English Grammar Complete Book” ของศูนย์หนังสือ TGRE เขียนโดย อาจารย์ชำนาญ ศุภนิตย์ และอาจารย์ ดร. สุทิน พูลสวัสดิ์

เมื่อคืนเอาดินสอมาเหลา เลือกมาแต่ 2B เพราะเรามีดินสอเยอะมาก แต่ไม่ค่อยมี 2B จะมีแต่ EE กับ 4B, 5B  เอาไว้วาดรูปตอนสมัยเรียน ถ้าเป็น 2B ไว้ทำข้อสอบ เราชอบของ STAEDTLER รุ่น tradition ที่เป็นสีแดง แต่สมัยเด็กๆ จะใช้ดินสอ HB รุ่น Norica เพราะมันเป็นสีๆ น่ารักมาก แต่พี่นุ๊กอ่ะ จะชอบใช้ที่เป็นสีเงิน หรือสีทอง รุ่น Pacific (จะอธิบายทำไมนี่ เรื่องดินสอพอแค่นี้ก่อน)

ไปถึงจุฬาฯ ตอน 7.30 แต่หาที่จอดไม่ได้เลย มีแต่รถวนหาที่จอด รถก็เยอะ เพราะจุฬาเข้มงวดกับการฝ่าฝืนกฎจราจร และการเปิด-ปิด ประตูมหาวิทยาลัยในวันเสาร์และอาทิตย์ ลานจอดรถแต่ละอัน ก็มีป้ายบอกว่า “สำหรับข้าราชการ และอาจารย์” เลยต้องไปจอดรถด้านนอก แล้วก็เดินมา สรุปไม่มีเวลาอ่านหนังสือ วิ่งอย่างเดียว และก็นึกถึงสมัยมาส่งน้องก้อยสอบ O-Net A-Net ตอนนั้นน้องก้อยยังเป็นสาวน้อยคอนแวนต์อยู่เลย

เราสอบชั้น 2 ห้อง 207 เลขที่นั่งก็เลขเป็นมงคลมาก เลขที่ 13 … ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำอะไรเข้าไปเลยนอกจาก บัตรประชาชน บัตรสอบ ดินสอ 2B ปากกา ยางลบ (ไม่ให้แม้กระทั่งกระเป๋าใส่ดินสอ) ดีนะที่เราอ่านข้อบังคบพวกนี้ในเว็บก่อน ไม่งั้นต้องทิ้งไว้หน้าห้อง เราเก็บมือถือ กระเป๋าไว้ในรถ ตอนก่อนเริ่มสอบมีคนเป็นลมด้วย (สงสัยจะเครียด)

ข้อสอบมี 120 ข้อ มี Listening, Reading และ Writing เราว่า Listening ง่ายสุดเลย เราเกลียดข้อสอบ Reading ที่สุด อ่านแล้วก็ปวดหัวมากมาย ส่วน Writing ก็ไม่รู้ที่ทำไปถูกหรือเปล่า ไม่มีเวลาให้ทวนมาก เพราะทำเสร็จแต่ละ part เราจะมีเวลาทวนแค่ 5 นาที

ออกจากห้องสอบแบบมึนๆ แล้วก็ขับรถกลับบ้านมากินก๋วยเตี๋ยวเป็ด อิ่มอร่อย

Company’s New Year Party

Company's New Year Party

ตอบคำถามของคุณ Pare นะคะว่า ได้งานใหม่แล้วค่ะ 🙂 วันนี้หัวหน้าแจ้งข่าวร้ายให้ทราบว่า บริษัทจะจัดงานปีใหม่ในวันที่ 30 นี้ ที่เป็นข่าวร้ายเพราะ เค้าจะให้เด็กใหม่ไปแสดงอะไรซักอย่าง ให้ไปคิดกันเอาเองว่าจะแสดงอะไร …

คือเป็นคนขี้อาย และไม่กล้าแสดงออกอ่า และการแสดงอะไรซักอย่างในงานปีใหม่ มันก็คงไม่ใช่การแสดงที่ดีแน่นอนใช่ไหมล่ะ การแสดงต้องเป็นอะไรที่ต้องตลกๆ น่าเกลียดๆ เรียกเสียงหัวเราะ ถึงจะดีใช่ป่าว เฮ้อ ไม่อยากทำเลยยยย

หัวหน้าสั่งงานให้ออกแบบ Wallpaper เชิญพนักงานทุกคนมางาน แจ้งรายละเอียดว่าวันไหน และ concept งานเป็นอย่างไร ซึ่ง concept ก็คือ Mix & Unmatch คือผสมกัน และให้ดูไม่เข้ากัน ก็เลยทำออกมาเป็น Satan Cause (คำสาปซาตาน) อิอิ และจับฮิตเลอร์มาผสมกับ Afro และก็ฮิตเลอร์ กับชาลี มีหนวดจิ๋มๆ เหมือนกัน แต่คนหนึ่งโหดร้าย กับอีกคนให้แต่เสียงหัวเราะ

Each year, New Year party will be different styles, which depend on the organizer of the party. For this year, the company where I am working had set the theme for the New Year party as “Mix & Unmatch”.

I was assigned to design the invitation ecard (しょうたいけん).

かんぱい

อากาศหนาวแบบนี้ ก็ได้เวลากินเบียร์เย็นๆ ใช่ป่าว อิอิ บรรยากาศดีๆ ต้องไปกินเบียร์ที่ลานเบียร์ อ้อกับทิน่านัดกับเราที่ Avenue รัชโยธิน ตอน 19.00 น.

พอเลิกงาน 17.30 น. เราก็รีบออกจากออฟฟิศ จะเดินไปรับน้องก้อย เพราะน้องก้อยเดินมาหาเราจาก MRT ลาดพร้าว เป็นห่วงมาก ไม่อยากให้เดินไปไหนคนเดียว รีบออกไปรับ แต่ว่าต้องแก้งานนิดหน่อย เลยทำให้ช้า น้องเลยต้องเดินมาคนเดียว หวงๆๆ 🙁

รถติดมาก กว่าจะไปถึง Avenue รัชโยธินได้ ก็ประมาณเกือบ 19.00 น. เลย ที่ลานเบียร์คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวนี้ไปไหนคนก็เยอะเนอะ เราเลยเปลี่ยนไปกิน Sukishi กันแทน แล้วก็สั่งเบียร์ Asahi มากิน

อ๊า กัมไป! กินกันจนหน้าแดงแล้ว ก็ไปกินไอติม iberry กันต่อ แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.