Archive for December, 2009


Whittard of Chelsea

Whittard of Chelsea

Whittard of Chelsea

ก่อนจะไปดูหนังเรื่อง Sherlock Holmes กับทิน่า และอ้อ พวกเราก็ไปนั่งกินเค้กที่ Whittard (Central World) น้องก้อยสั่งเค้ก Dark Chocolate Mousse กับเครื่องดื่มคือ Dark Chocolate ร้อน เราก็อยากกินนะ แต่ช่วงนี้ต้องลดน้ำหนัก

Whittard of Chelsea

Whittard of Chelsea

ทุกอย่างอร่อยมาก ที่นั่งก็สบาย บรรยากาศดี แต่คนคิดเงินที่เป็นผู้หญิงนี่มารยาทแย๊แย่ พูดจาก็แย่ หน้าก็ตูด เสียดายจริงๆ ไม่งั้นทุกอย่างคง perfect

Meat Counter – Food Hall

Pork Chop

Pork Chop

ตอนที่ไปเดิน Food Hall ที่เซ็นทรัลเวิลด์ น้องก้อยสังเกตเห็น counter นั่งกินสเต๊กต่างๆ ของ Food Hall ก็เลยชวนเราไปนั่งกินดู ก็คือเราสามารถซื้อเนื้อชนิดต่างๆ ภายใน Food Hall ไม่ว่าจะเป็นเนื้อจากออสเตรเลีย หรือเนื้อสันใน สันนอก อย่างดี แล้วแต่เราจะเลือก ให้เค้านำมาปรุงให้เรา ซึ่งคิดค่านำมาทำ 99 บาท ส่วนอีก counter นึง จะเป็นสำหรับ seafood ถ้าอยากินขนมปังก็ซื้อจาก Bakery ได้เลย

เรากับน้องก้อยจะชอบกิน Pork Chop ของที่นี่มาก เนื้อนุ่ม น้ำเกรวี่อร่อย ราคาเพียงแค่ 129 บาทเท่านั้นเอง ถูกกว่า Sizzler หลายเท่าเลยใช่มั้ย แต่ข้อเสียคือ รอนานกว่าจะได้กิน ยิ่งตอนคนเยอะ ยิ่งต้องยืนรอคิวจะกินกันเลย

ได้มีโอกาสไปเยือนร้านสังเวียนซีฟู้ดอีก เป็นครั้งที่ 2 แล้ว จากปีที่แล้วที่ประทับใจมากมาย คราวนี้เรามากันหมดบ้าน ต้องฝากหมามูสไว้ที่เนอร์สเซอร์รี่

เราไปถึงร้านป้าสังเวียนกันตอนประมาณบ่ายสองโมง อาหารที่สั่งก็มี กุ้งเผาที่เล็ก 2 ที่ (ที่ละ 600 บาท), ปลากระพงทอดกระเทียม, ปลาหมึกย่าง, ทอดมันกุ้ง 2 ที่, ปูผัดผงกระหรี่, ส้มตำ, ยำหอยแครง และข้าวเปล่า 2 โถ

ยังอร่อยเหมือนเดิม แต่กุ้งเค้าไม่ผ่าเปลือกตรงด้านหลังให้แกะง่ายๆ เหมือนเดิมแล้ว เสียดายอีกอย่างคือ ครั้งที่แล้วสั่งปลาสำลีทอดกระเทียม แต่ครั้งนี้ดันสั่งปลากระพง เพราะจำไม่ได้ว่าปีที่แล้วสั่งปลาอะไร โธ่ ไม่งั้นได้กินปลาสำลีอร่อยๆ นอกนั้นก็ดีทุกอย่าง คิดแล้วก็อยากกินอีกอ่ะ

ปล. ร้านสังเวียนซีฟู้ดอยู่ในซอยโรงแรมสปริงฟีลด์ เป็นซอยก่อนถึงปั๊ม PT เข้าไปในซอยจนสุดซอย แล้วก็เลี้ยวขวา ขับไปอีกนิดก็ถึง

S & P

S & P

S & P

ดูหนังเรื่อง Avatar เสร็จ ก็มากินข้าวเย็นกับทิน่า และอ้อ ที่เพิ่งเลิกสอน (มาจากเพลินจิต) ไปกินกันที่ S & P

กินต้มข่าไก่, กุ้งทอดกระเทียม, ปลาทอด, ไข่เจียวกุ้ง และข้าวสองโถ ระหว่างกินข้าวก็เล่าเรื่องหนัง The Fourth Kind ให้ทิน่า กับอ้อฟัง แลกเปลี่ยนกับทิน่าเล่าเรื่องดาราให้ฟัง อิอิ

พอคิดเงินออกมา เค้าบอกว่า 1,512 บาท เราบอกว่าทำไมมันแพงจังอ่ะ อ้อเลยตรวจบิล พบว่ามีรายการที่ไม่ได้สั่งมาสองรายการเลย ทางร้านเลยไปคิดมาให้ใหม่ เหลือประมาณ 1100 บาท -“-

ก็ยังแพงอยู่ดีเนอะ

Avatar อวตาร

เพิ่งกลับจากไปดู Avatar ที่ Central World รอบ 17.20 น. มา (หนังจบตอน 20.20 น.) เป็นหนังที่ดีมากๆๆ ชอบมากสุดๆ หนังดีจริงๆ ถึงขนาดดูได้อีกหลายๆ รอบเลย การดีไซน์ตัวละครทุกอย่างนั้น แปลกใหม่มาก

ขณะที่ดูหนังจะไม่อยากเป็นมนุษย์เลย  เราเอาใจช่วยชาวนาวี (Na’vi) ตลอดทั้งเรื่อง มนุษย์ช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ เราไม่เคยรักษาธรรมชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ให้กำเนิดเราเลย เรามีแต่ทำลายๆ จนดาวเคราะห์โลกเน่าไปหมด

ปกติเราดูหนังเอเลี่ยน คือ เอเลี่ยนจะมาในคราบมนุษย์มาสืบเรื่องราวของเรา และจะต้องมีเทคโนโลยีสุดไฮเทค ล้ำยุค ให้เราได้รวมพลชาวโลก ต่อสู้กับเอเลี่ยน ยิงกันกระจาย มนุษย์ต้องสู้ให้อึดกว่า เพราะโลว์เทคกว่าเยอะ

แต่หนังเรื่องนี้นำเสนออีกแบบที่เราดูแล้ว ต้องไปคิดเลยว่า มันก็จริงนะ มนุษย์ไปทำลายดาวดวงอื่นแทน เพราะอยากได้ อยากมี ปลอมตัวเป็นเอเลี่ยน แล้วไปสืบเรื่องราวของเค้า (เราคือเอลี่ยนซะเอง) และชาวนาวี ก็ไม่ได้มีอาวุธอะไรไฮเทค เค้ามีแต่จิตใจอย่างผู้เจริญแล้ว เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ และใช้มันอย่างประหยัด ใช้แบบที่เค้าเรียกว่า ขอยืม และก็ต้องส่งคืนกลับไป กลมกลืนไปกับธรรมชาติมากๆ

บางทีมนุษย์ต่างดาว ที่มาเยี่ยมเยือนโลกของเรา ก็อาจจะมองเราอย่างเวทนาก็ได้ เค้าคงไม่อยากได้โลกใบนี้ ที่เราทำลายมันทุกวันหรอกเนอะ

ออกมาจากโรงแล้วก็ต้องมาระลึกว่าเราก็เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ชาวนาวี …  แล้วเราจะช่วยอะไรโลกใบนี้ได้บ้างเนี่ย

ปล. ประทับใจเจ๊ Trudy ที่ขับเฮลิคอปเตอร์จัง (Michelle Rodriguez) ส่วนป้า Sigourney Weaver แกก็เป็นเหมือนแบรนด์ สำหรับหนังเอเลี่ยนเลย

วันหนึ่งบนถนนสีลม

ก๋วยเตี๋ยวไก่

ก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน

วันก่อนโน้น มีธุระไปที่ตึกอื้อจื่อเหลียง ตรงถนนสีลม เราเอารถจอดไว้ที่ MRT ลาดพร้าว แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ตอนนั่งอยู่ในโบกี้ ก็มีฝรั่งสามีภรรยา จากชิลี มาคุยด้วย ทำให้ความเงียบในรถไฟ ถูกทำลายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆ ของเรา (อายจริงๆ แต่ก็ต้องพูด) เค้ามายกมือไหว้ แล้วพูดว่า “สวัสดีครับ”

จากนั้นก็พูดเป็นอังกฤษว่า เค้ามีหนังสือดีๆ จะแนะนำให้อ่าน พร้อมยื่นให้เรารับไว้ แล้วก็คุยว่าเค้ามาจากชิลี ถามว่าเรารู้จักไหม เราตอบว่าประเทศอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้ใช่ไหม เค้าบอกใช่ๆ เค้าคงนึกว่าเราเก่ง Geography แต่เปล่าเลย ดูการประกวดนางงามกับพี่นุ๊กบ่อยตอนเด็กๆ เลยจำได้

เค้าแนะนำว่าแฟนเค้าชื่อ ฟรานเชสก้้า เราก็มองหน้าเค้า เหมือนแล้วตัวเค้าล่ะ ชื่ออะไร เค้าก็นิ่งไป เราเลยคิดว่าสงสัยเราต้องแนะนำตัวเองก่อน จะได้ไม่ผิดมารยาท เราบอกว่า I’m Juth (กระแดะมาก อิอิ) เค้าก็บอกว่า ชื่อเค้าออกเสียงยากมาก เราบอกว่า ลองพูดมาสิ เค้าก็พูดมา เราตอบว่า “You’re right. It’s really difficult” คุยไปคุยมา เค้าก็บอกว่า ถึงสถานีที่เค้าต้องลงแล้ว เราก็โบกมือลาหยอยๆ แล้วก็มาระลึกได้ว่า นั่นก็เป็นสถานีที่เราต้องลงเหมือนกัน! ดูซิ เลยต้องไปลงที่สามย่านเลย โธ่ … ก็เลยเอาหนังสือที่เค้าให้มาเปิดอ่าน เป็นหนังสือสอนศาสนาคริสต์นั่นเอง เค้าทำดีนะ กระดาษก็อย่างดีเลย สอนเรื่องการใช้เทคโนโลยีมากจนให้โทษด้วย

ขนาดเลยสถานี ยังไปถึงก่อนเวลานัดเยอะมาก ก็เลยไปอยู่ที่ Silom Complex ร้าน Se-Ed จนได้เวลา ก็เดินไปตึกอื้อจื่อเหลียง ระหว่างทางก็ผ่านของโปรด คือ ช็อคโกแลตเย็น ของ Little Coffee เลยซื้อมากิน 1 แก้ว

Daddy Dough

Daddy Dough

ไปทำธุระเสร็จ ก็ขึ้้นรถเมล์ 115 ไปซื้อ Daddy Dough ให้น้องก้อยตรงข้างๆ ตึก Jewelry Trade Center เข้าไปในร้าน กำลังเลือกโดนัท ก็มีฝรั่งผู้หญิง เข้ามาในร้านแล้วชี้ที่โดนัท ถามว่า “Is it fresh?” คนขายตอบว่า “Chocolate”

ฝรั่งทำหน้างงมาก แต่ฝรั่งก็ยิ้มๆ เค้าก็ต้องรู้แหละ ว่าคนขายต้องเดาว่าเค้าถามว่า “นี่อะไร” เค้าเลยซื้อไป 1 ชิ้น

เราข้ามถนนไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน สองชาม แล้วก็นั่งมอไซต์กลับไป MRT คุณมอไซต์ก็ชวนคุยว่า วันนี้คนน้อยนะพี่ ถนนว่างมาก ไม่รู้คนไปไหนกัน เราก็บอกว่าสงสัยไปต่างจังหวัด เค้าบอกว่าไม่น่าใช่ เราเลยบอกว่าสงสัยไปงานของในหลวง เค้าบอกไม่น่าใช่ เราเลยเงียบ สงสัยเค้าคงมีคำตอบของเค้าเองไว้แน่นอน เราคงทายไม่ถูก

แล้วเค้าก็ชวนคุยเรื่องประกันชีวิต ว่าคนตายด้วยโรคมะเร็งเยอะมาก และเราไม่ควรใช้วิธีรักษามะเร็งด้วยคีโม เพราะจะไม่หาย เราก็อยากรู้ว่าต้องรักษายังไง ก็พอดีต้องลงแล้ว

วันหนึ่งที่สีลม มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ถ้าต้องกลับมาทำงานแถวนี้อีกหน คงมีอะไรมาเขียนบล็อกเยอะแยะเลย

Banoffee – Eat Me First

Banoffee

ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้านทำงาน project นึง ที่รับมา ทำงานแล้วก็นั่งกินขนมของร้าน Eat Me First อย่างเอร็ดอร่อย ตอนนี้มีขนมตัวใหม่ออกมาแล้ว คือ Banoffee

บานอฟฟี่ คือ ขนมของอังกฤษ ใช้กล้วย, ครีม, ทอฟฟี่ (English Toffee เหมือนเวลากินไอติมรส English Toffee อ่า) และตัวราดที่ชื่อว่า dulce de leche แต่ของร้าน Eat Me First จะมี Oreo ด้วย หาซื้อได้ที่เซ็นทรัลรามอินทรา ชั้น G หน้า TOPS ค่ะ

ตอนนี้น้ำหนักขึ้นอย่างแรง…

iberry – La Villa Aree

iberry

iberry

เมื่อวานไปคุยงานที่ Phaholyothin Place แล้วก็เลยเดินมารอน้องก้อยที่ La Villa Aree ระหว่างที่นั่งรอก็ฟังเพลง Jazz จากร้านขาย CD และก็อ่าน Computer Arts Project ไปด้วย ดูคนกินข้าวที่ Greyhound แล้วหิ๊วหิว

น้องก้อยมาถึงตอนบ่ายสอง เราสองคนเลยไปกิน Lunch set ที่ Fuji อิ่มอร่อย แล้วก็มากินไอติมที่ iberry น้องก้อยกินรส Punch Sorbet เรากินมินต์ช็อคชิพ

กินไปด้วยก็นั่งเล่นเกมออนไลน์กัน จน 16.40 น. น้องก้อยต้องไปที่ร้านหมอฟันตรงสีลม ไปเอาเหล็กดัดฟันออก ดัดมาตั้ง 4 ปี ถึงเวลาจะสวยแล้นนนน

ลาก่อน Baskin Robbins

เพิ่งรู้จากพี่นุ๊กว่า Baskin Robbins จะปิดกิจการในเมืองไทย ข่าวร้ายของพี่นุ๊กเลยนะเนี่ย เพราะพี่นุ๊กเป็นแฟนไอติมยี่ห้อนี้เลย ในขณะที่เราจะชอบกิน Swensen’s มากกว่า

ได้ข่าวแล้วก็ตกใจ เพราะเราเพิ่งจะชอบกิน Baskin Robbins จากการกิน Banana Caramel ครั้งที่แล้วเอง ว๊า… เสียดาย

วันนี้น้องก้อยไปสัมภาษณ์ที่สถานฑูตอเมริกาเสร็จ เราก็ไปกินไอติมที่ Baskin เป็นการสั่งลาที่ Central World ไปถึงร้านเค้าก็ว๊างว่าง มีเราอยู่โต๊ะเีดียวเอง นั่งสบาย สงบ

ลาก่อน Baskin Robbins…

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.