Category: Hanging Out


Gossip Girl

เมื่อคืนดูซีรีย์ Gossip Girl กับน้องก้อยตอนตีสาม เปิด sub Thai แต่ซวยมาก ดันเป็น sub นรก เลยต้องเปลี่ยนเป็น sub Eng เลยเสริมสร้างภาษาอังกฤษไปเลย แต่ซีรีีย์สนุกดีอ่ะ แต่ดูไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็หลับปุ๋ยไปทั้งสองคน

วันนี้เอาโน้ตบุ๊คของน้องก้อยไปให้ที่ร้านดูอีกที ว่าอะไรเสีย ปรากฏว่า Ram เสีย เลยเปลี่ยนใหม่ ตอนรอก็เลยไปซื้อ card reader ให้พี่นุ๊ก และก็ซื้อเมาส์ไปใช้ที่ทำงานด้วย เพราะที่ทำงานเมาส์ใหญ่เกิ๊น

ตอนเราไปพันธ์ทิพย์ พี่นุ๊กพี่โอ๋ก็ไปเดินสยามฯ รอ จากนั้นก็ไปกิน Sukishi กัน เอร็ดอร่อย และก็ไปกิน Red Mango กัน ก่อนกลับบ้านซื้อโดนัทมาฝากแม่ ของ Bapple อร่อยมากกกกอ่ะ

อยู่จตุจักรตลอด

เสาร์อาทิตย์นี้ ไปอยู่ที่ร้านพี่นุ๊ก พี่โอ๋ ตลอดเลย เฝ้าร้านไปด้วย ไปชอปปิ้งด้วย ได้เสื้อสวยๆ มา 2 ตัว หนังสือดีไซน์มา 1 เล่ม ส่วนวันอาทิตย์น้องก้อยก็มาช่วยขายจน 20.30 น. แน่ะ ใครสนใจกระเป๋าสวยๆ จากเกาหลี ก็แวะมาได้นะคะ มีเต็มเลย

แอบเดินไปดูหมามาด้วย แบบว่ามีลาบราดอร์อายุ 45 วัน ตัวหนึ่งน่ารักมากกกกกก ไปยืนจ้องมันอยู่นาน จนคนขายเห็น ก็เลยจับมันขึ้นมา มาให้เราอุ้ม เราก็ตกใจรีบรับมาอุ้มกลัวมันหล่น แล้วมันก็หลับพริ้มในอ้อมกอดเรา กรี๊ดดดดด อยากเอากลับบ้านมาก ขายตัวละ 4000 บาท (สงสัยต่อมาจะกลายพันธุ์ อิอิ) ตัดใจจากมันมา เพราะพ่อแม่ยังไม่อยากเลี้ยง

ส่วนขนม Panna Cotta กับเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัด ใครกินก็บอกอร่อย อย่าลืมมากินนะ (ขายของสุดฤทธิ์)

Karaoke Time

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตอนเลิกงานไป Esplanade กับเพื่อนๆ ที่ทำงาน มีพี่จุ๋ม กิ๊บ เข้ และเปรียว ไปกินข้าวเย็นกันที่ MK Gold จากนั้นก็ไปร้องคาราโอเกะที่ Blu-O ตั้งแต่ 20.00-23.00 น. สั่งเบียร์ Chang มากินเป็น 1 เหยือก กับอีก 1 tower (กินกัน 3 คน เข้ เปรียว และเรา)

ปกติเราจะไม่ร้องคาราโอเกะ เพราะเราร้องเพลงไม่เป็น แต่ว่าเพื่อนๆ บังคับว่า ต้องร้องอย่างน้อยคนละเพลง เราก็ไม่รู้จะร้องเพลงไรดี แต่ก็เปิดๆ ดูเพลง และก็กดปุ่มเลือกเพลงไป

คนอื่นก็ร้องๆ กันไป จนเพลงที่เราเลือกมาถึง ก็งงกันว่าเพลงใคร เราก็บอกว่าเพลงเราเอง ทุกคนตะลึง อิอิ

ได้แต่ตั้งคำถามแต่ไม่กล้าถามเธอสักครั้ง
ได้แต่ตั้งความหวังขึ้นในหัวใจ..
จริงจริงแค่อยากรู้ ว่าเธอนะคิดเหมือนฉันไหม..
อยากให้เธอมองตา..(แล้วตอบคำถามหัวใจ)
ไม่รู้เมื่อไหร่..เธอจะได้ตอบมันสักที..

เพลงคำถาม ของเฟย์ฟางแก้ว กิกิ

ต่อมามีคนเลือก “ผู้ชายห่วยๆ” ของพี่ช่า แล้วไม่ร้อง มายื่นไมค์ให้เราเฉย เราเลยต้องคว้าไปร้อง ยังร้องไปได้นะนั่น

ตอนจะกลับบ้านน้องก้อยก็โทรมาเป็นห่วงว่าถึงบ้านหรือยัง แถมดุว่าเรากินเบียร์ด้วย แฟนใครหนอดุจริงๆ 🙂

วันก่อนหลังจากเลิกเรียนเสร็จ ก็ไปเซ็นทรัลเวิร์ลกับน้องก้อย ไปกิน Sizzler จริงๆ อยากกินสเต๊กโชคชัยมาก แต่ว่าอยู่ไกล ก็เลยกิน Sizzler ไปก่อนก็ได้ เรากินชุดไก่ย่างสไปซี่ กับหมูพริกไทยดำ อร่อยๆ อยากกิน Okonomiyaki ตรง Isetan ด้วย แต่กินไม่ไหวแล้ว อิ่มมากมาย อยากกิน Strawberry Short Cake ด้วย โอยยย ทำไมเราอ้วนอย่างนี้

จากนั้นก็เดินไปซื้อการ์ตูน และก็เดินไปสยามฯ ไปซื้อเสื้อยืดมา 2 ตัว และก็ข้ามไปพารากอน ไปกินไอติม i-berry กินรส wave-88 (ชื่อนี้ป่าว จำไม่ค่อยได้) ที่เป็นสีขาวๆ ฟ้าๆ แล้วก็ไปดูหนังสือที่ Kinokuniya

ซื้อหนังสือ “ปอกกล้วยในมหาสมุทร” ของนิ้วกลมมา ลดอยู่ 10% เหลือ 153 บาท ยังไม่มีเวลาอ่านเลย เพราะช่วงนี้อ่านหนังสือทำเว็บด้วย XHTML กับ CSS อยู่

แต่เปิดๆ ดูแล้ว น่าอ่าน รูปเล่มก็น่ารัก กระทัดรัด อยากมีหนังสือของตัวเองแบบนี้บ้างจัง

French Chocolate Cake – CHERUBIN

French Chocolate Cake

วันนี้ไปบางลำภูกับพ่อแม่ และน้องก้อย ปกติทุกวันอาทิตย์พ่อแม่ จะไปเที่ยวเล่นกันที่บางลำภู และดิโอลด์สยาม น้องก้อยอยากตามไปด้วย ก็เลยไปกัน แต่ว่าโชคร้ายฝนตก เลยอดไปแถวดิโอลด์สยามเลย แต่ไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟกันที่บางลำภู แล้วก็กลับบ้าน

ตอนเย็นเรากับน้องก้อย ออกไปกินเค้กกันที่ร้านโปรด ร้าน Cherubin ในซอยสุขุมวิท 31 ไปหม่ำ French Chocolate Cake กัน แล้วก็ช็อคโกแลตเย็น อร่อยมากมาย

จากนั้นก็ไปดูหนังสือกันที่ Kinokuniya ใน Emporium น้องก้อยไปดูหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่เราไปดูหนังสือคอมฯ แล้วก็เห็นหนังสือที่เคยเกือบจะสั่งทาง Amazon แต่ไม่ได้สั่ง มีขายที่นี่ด้วย เลยซื้อมา คือหนังสือ BulltetProof Web Design ของ Dan Cederholm เล่มละ 1,265 บาทแน่ะ ตัวเบาเลย แต่ก็เพื่อหน้าที่การงานเนอะ จะได้เก่งๆ

Thank You Tina & Orr

เสาร์นี้ ต้องไปสยามพารากอนอีก (อีกแล้วค่ะ) เอาสมุด INLOVE Marsha ไปให้คนที่สั่งซื้อ ตอนเช้าไปเรียนภาษาญี่ปุ่น แล้วก็มาพารากอน เจอกับอ้อ และทิน่า ซึ่งทิน่าอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ เราก็เลยไปกินกันที่ Dairy Queen (อีกแล้วค่ะ) เรากิน Hamburger

จากนั้นก็เดินกลับมาพารากอน ทิน่าเดินผ่าน Bobbi Brown ซึ่งกำลังจัดงานอะไร Eyebrow ไม่รู้ ทิน่าก็อยากจะกันคิ้ว ก็เลยชวนน้องก้อยเดินไปดู เรากับอ้อก็รออยู่ ทิน่าได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องก้อยเป็น Sparkle Eye Shadow ของ Bobbi Brown สองสาวเลยได้ไปกันคิ้วสมใจ

ตอนทิน่ากับอ้อ เดินไปแลกคูปองอะไรซักอย่าง น้องก้อยเลยไปกันคิ้วก่อน และก็แต่งหน้าด้วย แบบ smokey ใช้เวลานานมาก เนื่องจากคิ้วหนาหรือเปล่าไม่รู้ อิอิ  แต่ทิน่า กับอ้อ ก็รอ ร๊อ รอ

พอเสร็จแล้วทิน่าจะกันคิ้วต่อ สต๊าฟเค้าบอกว่าต้องให้รออีกครึ่งชม. เพราะมีลูกค้าต้องดูแล ทิน่าเลยถามว่ารอมาแล้วหนึ่่งชั่วโมง ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงเหรอเนี่ย เค้าก็ยืนยันให้รอ เค้าให้เหตุผลว่าใช้เวลาไปกับน้องก้อยเยอะแล้ว เพราะแต่งหน้าด้วย

เราก็เกรงใจทิน่ามากอ่ะ ต้องขอโทษจริงๆ  แต่ทิน่ากับอ้อก็น่ารักมากๆ บอกว่าไม่เป็นไร ยัยเด็กก้อยก็ยังคิดมากไม่หายซักที บอกแต่อยากให้พี่ทิน่าได้กันคิ้ว เป็นเพราะก้อยทีเดียว

แต่น้องก้อยเลิกคิดมาก และยิ้มได้ เมื่อได้รับ sms จากทิน่า ก็ต้องขอบคุณทิน่า และอ้อมากๆ นะ สำหรับวันนี้ ขอบคุณจริงๆ

TU-CU Traditional Football 65th

หลังจากเรียนภาษาญี่ปุ่นเสร็จ ก็ไปพารากอนกับน้องก้อย ไปซื้อซองจดหมายกันกระแทกไว้ส่งสมุดโน้ต INLOVE และก็ไปกินข้าวเทีี่ยงกันที่ Dairy Queen ตอนแรกจะไปกิน McDonald แต่คนเต็มร้านเลย มีแต่เด็กจุฬา กับธรรมศาสตร์ ก็เลยเดินไปสยามเซ็นเตอร์ ไปกิน Dairy Queen ไม่เคยกินอาหารที่นี่เลย ปกติจะกินแต่ไอติม เราสั่ง  Hamburger น้องก้อยกิน Chicken Strips Basket ปรากฏว่าอร่อยมากกกกก อร่อยจริงจัง เราเลยกิน Hamburger ตั้ง 2 อัน เหอๆ …

จากนั้นจะเดินไปตัดผม แต่ว่าช่างประจำไม่มา เซ็งเป็ด น้องก้อยก็เลยเดินไปหาเพื่อนๆ ที่ Vanilla จากนั้นก็นั่ง BTS ไปสนามกีฬา ต้องเสียค่าบัตรตั้ง 100 บาท แต่เพื่อนน้องก้อยเอาบัตรมาให้ได้ เลยเข้าฟรี

งานก็เหมือนปีที่แล้วที่มา คือ คนให้ความสนใจหลีดมากกว่าบอล อิอิ (สังเกตได้จากช่างภาพหลายร้อยคน รุมถ่ายแต่หลีด ไม่ถ่ายนักฟุตบอลเลย) จึงควรจะเป็น “งานหลีดประเพณี” ซะมากกว่า แต่มันก็ช่วยไม่ได้เนอะ คนเราย่อมสนใจ สิ่งสวยๆ งามๆ มากกว่ากีฬา แต่ถ้าหากว่านักฟุตบอลเล่นเก่งมากๆ แบบใน Premier League ก็ไม่แน่นะ นักฟุตบอลอาจจะได้ขึ้นโปสเตอร์โฆษณาเหมือนหลีดบ้าง ไม่ดูเป็นส่วนประกอบแบบนี้

ดีใจกับธรรมศาสตร์ด้วยนะจ๊ะ ชนะตั้ง 2-0 แน่ะ

Busy Week

เป็นอาทิตย์ที่ดูยุ่งทีเดียว งานก็ยุ่ง และก็เหมือนจะมีอะไรต้องทำมากมาย แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไป จนมาถึงสุดสัปดาห์ที่จะได้พักผ่อน วันเสาร์เราตื่นไปเรียนภาษาญี่ปุ่นคนเดียว เพราะน้องก้อยขี้เกียจ เรียนเรื่องการบอกตำแหน่งของคน และสิ่งของ สนุกดี

กลับมาบ้านก็มาพาน้องก้อยไปส่งบ้าน น้องก้อยต้องไปธุระกับคุณแม่ ส่วนเราก็นั่งทำ freelance เรื่อยเปื่อย ตอนเย็นก็ไปรับน้องก้อย แล้วก็ไปเจออ้อ กับทิน่าที่ Central World ไปรออ้อ กับทิน่าตัดผมที่ Cut & Curl

จากนั้นเราก็ไปกินข้าวเย็นกันที่ Bar B Que Plaza กินเสร็จ อยากกินไอติมต่อ แต่ว่าเค้าปิดร้านกันหมดแล้ว ก็เลยต้องกลับบ้าน

น้องก้อยดู So You Think You Can Dance แต่เราอาบน้ำ แล้วผลอยหลับไปเลย

Department of Employment

เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน

ไปขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 9 ตรงถนนนวมินทร์ ถ้าจำไม่ผิดเรามาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว เหมือนจะเป็นเดจาวูเลย ทำไมเราต้องไม่มีงานทำ ในทุกช่วงเวลานี้ของปีด้วยน๊า ก่อนไปก็เตรียมเอกสารให้ครบ มีสำเนาบัตรประชาชน และก็สำเนาหน้าแรกบุ๊คแบงค์ ระหว่างไม่มีงานทำเค้าจะให้เงิน 30% ของเงินเดือน เป็นจำนวน 90 วัน

เมื่อคืนนอนอ่านหนังสือ ฟินแลนด์ไม่มีแขน จนจบ ชอบมากเลย ชอบสิ่งที่ “พี่นก” ได้สอนผู้เขียน “ใบพัด” ว่า

อย่านึกว่าทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแล้วโลกทั้งโลกจะเอ็นดูทะนุถนอม หรือเที่ยวไปโอดครวญชีวิตลำเค็ญของตัวเองให้ใครฟัง แล้วนึกว่าเขาจะสงสารเรา มันไม่จริงหรอก ไม่เลย ไม่มีใครเขาสนใจปัญหาของเราอย่างแท้จริง เรื่องทุกข์ใจของเรา เป็นแค่เรื่องที่ทำให้คนอื่นสบายใจ ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา

ตอนอ่านเรื่องนี้ รู้สึกว่าผู้เขียนเหมือนเราเมื่อปีที่แล้ว กับปีนี้รวมๆ กันไงไม่รู้ เหมือนในแง่ที่ว่าตกงานเหมือนกัน เบื่อเป็นคนทำงานออฟฟิศ และโชคดีได้ไปต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียเงิน (เมื่อปีที่แล้วเราตกงาน แล้วก็ได้ไปสิงค์โปร์กับ Nokia ฟรีๆ)

ในหนังสือบอกว่าให้มองข้อดีของการตกงาน ว่าไม่ต้องเจอรถติดทุกวัน  ดูหนังที่อยากดู มีเวลาอ่านหนังสือ อยู่บ้าน ทำอะไรที่อยากทำ ก็จริงนะ ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ระหว่างที่หางานทำ เราก็นอนอ่านหนังสือ อยู่บ้านกับพ่อแม่ พี่นุ๊กพี่โอ๋ และน้องก้อย ดีกว่ามานั่งเครียด

วันนี้หลังจากไปสำนักจัดหางาน ก็ไปหาน้องก้อยที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ระหว่างรอน้องก้อยมา ก็ดูหนังสือที่แพร่พิทยาไปเรื่อยๆ ซื้อหนังสือ “คันจิไม่ยาก” มา ไว้หัดเขียน และจำ พอน้องก้อยมาก็ไปกิน Sukishi กัน และก็ไป C-plus ซื้อเกม RayCity Online มาเล่น

แล้วก็ไป Paragon น้องก้อยไปดูที่เรียนเต้น ไปดูที่ Bangkok Dance แต่เราว่าเราชอบที่สยามฯ มากกว่า นอกจากนั้นเราก็ถือโอกาสไปถามโรงเรียนสมุดไท ว่าเค้ารับครูสอนศิลปะไหม เค้าบอกว่ารับ ก็เลยคิดว่าไว้โอกาสหน้าจะเอาเอกสารมาสมัครงานที่นี่ด้วย

จากนั้นก็เดินไปซื้อหนังสือ “เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน” ของใบพัด (คนเขียนเดียวกับ ฟินแลนด์ไม่มีแขน) ที่ร้าน SE-ED

พรุ่งนี้จะอ่านหนังสือทั้งวันเลย

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.