Archive for October, 2009


วันพุธที่ผ่านมา พี่นุ๊กและพี่โอ๋เลี้ยงหนังเรากับน้องก้อย ไปดูหนังเรื่อง Law Abiding Citizen รอบ 18.00 น. ที่เซ็นทรัลรามอินทรา เปิดเรื่องมาก็โหดกันเลยทีเดียว เป็นหนังดีนะ น่าตื่นเต้นดี พระเอกจากเรื่อง 300 นี่โหดมาก

จากนั้นก็ดูเรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ รอบ 22.00 น. ก่อนดูหนัง เราก็ไปนั่งกินข้าวเย็นที่ S&P และก็ไปกินไอติม Swensen’s  หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูแล้วยิ้มได้ทั้งเรื่อง สนุก และตลก เหมือนชีวิตสาวออฟฟิศจริงๆ เก็บทุกรายละเอียดดีจัง คริส หอวัง เล่นได้ดีจริงๆ หนังเรื่องนี้น่ารัก

I’d Do Anything for Love (But I Won’t Do That)

วันนี้ทำงานไปด้วยก็ฟังเพลงนี้  I’d Do Anything for Love (But I Won’t Do That) ของ Meat Loaf ชื่อน่ากินเนอะ แต่เค้ามีชื่อจริงว่า Michael Lee Aday เป็นร็อคเกอร์ชาวอเมริกัน

เพลงนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ release ในปี 1993 ซึ่งได้รางวัลแกรมมี่ด้วยนะ ในปี 1994 สาขา Best Rock Vocal Performance, Solo

ตอนนั้นเราก็อายุ 15 ปี สมััยนั้นดู Cable ที่ชื่อว่า SkyTV ดููช่องเพลงคือ Smile TV ที่มี Utt (อั๊ต) และ น้อย วงพรู เป็น VJ ซึ่งคุณน้อย ใช้ชื่อ Kris ในการเป็น VJ (มีใครทันบ้าง อิอิ)

ตอนเด็กๆ เราเคยสงสัยว่า ทำไมพ่อชอบฟังเพลงยุค 60’s เช่น Elvis, Cliff, Beatles and etc. แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้ว ทุกครั้งที่เราฟังเพลงที่เป็นยุคสมัยของเราเอง เราจะมีความสุข ในตอนที่พลังความเป็นวัยรุ่นยังคุกกรุ่น อิอิ

ฟังทีไรใจมันจะตึกๆ แล้วยิ่งตอนเรา 14-17 ปีเนี่ย ต้อง Rock ต้อง Alternative เลยนะ โยกหัว กระโดดกันมันส์สะใจ จำได้แม่นเลย ที่มหาลัยมีคอนเสิร์ต มี JoeyBoy และที่สำคัญมี อรอรีย์ ไม่เคยดูคอนเสิร์ตอะไรมันแบบนี้เลย ตอนอรอรีย์เล่นเพลง “แล้วเธอ” ทำให้เราเหมือนบ้าเลย กระโดดจนเหนื่อย

พอละกับการย้อนความหลัง นึกถึงเป็นบางครั้งบางคราว ให้ชุ่มชื่นหัวใจ

นัดทำแผล ครั้งที่ 4

พยาบาลกำลังทำแผล

พยาบาลกำลังทำแผล

เห็นภาพแล้วสยองกันไหมเอ่ย อิอิ กลัวจะเบื่อภาพเท้าที่พันด้วยผ้าพันแผล เลยถ่ายภาพตอนทำแผลมาให้ดู ถ่ายภาพไปด้วย ปากก็ร้องไปด้วย วันนี้เปลี่ยนพยาบาลคนใหม่ พยาบาลเจ้าประจำ บอกว่า “วันนี้เปลี่ยนคนทำแผลนะจ๊ะ” แล้วก็หัวเราะคิกคัก เหอๆๆๆๆ

พยาบาลคนใหม่บอกว่า “หนองเต็มเลย แล้วแกก็ขูดๆๆๆๆ” กรี๊ดดดดดด เจ็บมากกกกก ฮือๆๆๆ

ดูสิ หยุดยาวสามวันแบบนี้ อยากไปเดินดูงานหนังสือ อยากไปดูหนัง ก็ไปไม่ได้ ได้แต่นั่งตัวอวบอ้วนอยู่บ้าน น้องก้อยมาเยี่ยมที่บ้าน ยังบอกว่า “โหหห ทำไมตัวอวบอ้วนแบบนี้เนี่ย” อิอิ

ขอบคุณน้องก้อยที่มาหาที่บ้านนะจ๊ะ 🙂

นัดทำแผล ครั้งที่ 3

Injured Feet

Injured Feet

ในทุกวันจะไม่อยากให้ถึงตอน 4 โมง – 6 โมง เพราะเป็นเวลาทำแผล มันเจ็บมากๆๆๆ วันนี้เดินไปห้องฉุกเฉินทำแผล พยาบาลแซวว่า วันนี้คงไม่ร้องแล้วเนอะ หึๆๆๆ คิดในใจว่า “ไม่มีทาง ขนาดอยู่เฉยๆ ยังปวดเป็นบางขณะ ถ้าเจอสำลีทาๆ ขูดๆ ล้างแผล มันจะขนาดไหน”

และแล้ววันนี้ก็ร้องเป็นปกติว่า “โอ๊ยยยยย เจ็บบบบบบ” แผลยังเป็นเนื้อแดงๆ อยู่เลย พระเจ้ามันเจ็บมาก เวลามีอะไรไปโดย ถ้าเพียงขนนกตกใส่ ก็คงเจ็บ ฮือๆๆ

วันนี้ดูหนังเรื่อง Sweet Home Alabama ที่ Reese Witherspoon เล่น ทำเราน้ำตาร่วงตอนที่ Reese พูดกับหลุมศพหมาว่า หมาตัวนี้คอยอยู่เคีียงข้างเธอเสมอ แต่เธอเสียอีกที่ไม่เคยอยู่เคียงข้างมันเลย เธอหวังว่าเธอจะกลับมาทันรู้ว่ามันป่วย แล้ว Reese ก็พูดขึ้นเองว่า ไม่หรอก… ถึงชั้นรู้ว่าแกป่วย ชั้นก็อาจจะ…. เพราะตอนนั้นชั้นเห็นแก่ตัวมาก

หมาเนี่ยรักเจ้้าของโดยไม่มีเงื่อนไขจริงๆ เราแค่เล่นกับมัน คุยกับมัน แค่นี้มันก็ดีใจมากๆ แล้ว มันไม่ต้องการสิ่งอื่นเลย มันแค่ต้องการความรักเท่านั้นเอง ว่าแล้วเราก็เดินออกไปหามูส ที่เฝ้ารอพี่นุ๊ก และพี่โอ๋ด้วยใจจริง มันนั่งรอ นั่งเหม่อ น่าสงสารมาก เมื่อคืนก็ลงมาหามัน มันก็มองออกไปนอกประตู เราก็ทักว่า “มูสทำไรอ่ะ” มันหันมา วิ่งมาหา มีน้ำตา เต็มลูกกะตาเลย น่าสงสารจัง จับมากอดแน่นๆ บอกว่าเดี๋ยวพี่นุ๊ก พี่โอ๋ก็มาแล้ว

ตื่นเช้ามา หน้าตายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เราก็ไม่รู้ว่าหมาร้องไห้เป็นไหม แต่สิ่งที่เราเห็นก็เป็นน้ำคลอเบ้าตาหมามูส

วันนี้ก็นั่งรอพี่นุ๊ก มันเห็นพ่อแม่ออกไปข้างนอก ก็เห่า กลัวอยู่คนเดียว พอเราออกไปหา บอกว่า “มูส พี่พาไปเดินเล่นไม่ได้นะ เจ็บขา มูสรอพ่อหน่อยน๊า เป็นเด็กดีน๊า” มันก็กลับไปนอนรอต่อ

เนี่ย ห้าทุ่มครึ่งแล้ว พี่นุ๊กพี่โอ๋ยังไม่มาเลย มันเห่าเรียกอีกแล้ว เมื่อไหร่พี่นุ๊กพี่โอ๋จะมาเนี่ย

นัดทำแผล

แผล

แผล

วันนี้ไม่ได้เดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่ว่าทำงานอยู่กับบ้านแทน เมื่อคืนก็ปวดแผลตลอดเลย นอนไม่หลับ เลยเอา DVD สารคดีของ Reader Digest มาเปิด หลับไปเลย ตื่นมาก็มาทำงานส่ง เท้ากับมือ ก็จะปวดตุบๆ

ตอนเย็นก็ไปโรงพยาบาลไปตามนัดทำแผล นัดอีกตั้งห้าครั้งแน่ะ กรี๊ดดดดด เจอคุณพยาบาลคนเดิม แกะแผลออกดู แผลยังไม่แห้งเลย เราก็ถามว่าเมื่อไหร่มันจะดีอ่าคะ คุณพยาบาลตอบว่า “อีกอาทิตย์นึงค่ะ เพราะว่าเนื้อหลุดออกมาด้วย” แงๆๆๆๆๆ

ทำแผลเจ็บมาก ร้องออกมาแบบไม่อายชาวบ้านอีกครั้งว่า “โอ๊ยยยยยยย เจ็บ” ฮือๆๆๆๆๆๆ

ขับรถไม่ได้แน่นอนเลย ไม่รู้จะเหยียบคันเร่ง เหยียบเบรคอย่างไร

หกล้ม หกคะเมน

Injured Foot

Injured Foot

อยู่บ้านคนเดียว ต้องมาทำงานของที่ออฟฟิศ พ่อแม่ไปข้างนอก เราก็ต้องดูแลเจ้าหมามูส ตอนบ่ายพามันไปเดินเล่น แล้วมันก็วิ่งเร็วมาก เราก็วิ่งตาม แล้วอยู่ดีๆ มันก็วกกลับ มาพันขาเรา เท่านั้นเอง เราก็ล้มเลย เท้าพลิก หงายหลัง เอามือรับได้มือเดียว เพราะอีกมือก็จับเชือกจูงมูสไว้

เลือดนองรองเท้าแตะเลย มูสก็ร้อง มันตกใจ เราก็ต้องเดินลากขา มาในบ้าน ไม่รู้จะทำไงดี ทำแผลไม่เป็น คุยกับน้องก้อยทาง MSN น้องก้อยก็โวยวายให้ไปล้างแผลกับไปโรงพยาบาล เราก็แบบ เจ็บอ่ะ ไม่กล้าทำ โทรไปหาแม่ แม่บอกจะรีบกลับ เราบอกไม่เป็นไร แม่ไม่ต้องรีบกลับหรอก

ซักพักมูสก็เห่าเรียก มานั่งเฝ้าหน้าประตู เลยออกไปหา ไปบอกว่าไม่เป็นไรหรอก มันก็ทำหน้าสำนึกผิด (คิดไปเองหรือเปล่า ฮ่าๆ)

จนตอนเย็นพ่อแม่กลับมา ก็พาเราไปโรงพยาบาล ลงจากรถเค้าจะเอาให้นั่งรถเข็น เราบอกไม่เป็นไร เดินเอง (หยิ่ง อิอิ) พยาบาลทำแผลโหดมาก เช็ดๆ ตัดเนื้อที่ฉีกออกมา แล้วก็เช็ดๆ เราร้องลั่นห้องฉุกเฉินเลย “โอ๊ยยยยยยยยยย เจ็บบบบบบบบ”

คุณหมอให้ใบรับรองแพทย์ หยุด 1 วัน ในวันพรุ่งนี้ แต่เราก็หยุดทำงาน และพักผ่อนไม่ได้หรอก เพรางานเร๊งเร่ง ฮือๆ

Car Accident

Car Accident

วันจันทร์ที่ผ่านมา จะออกไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนที่ทำงาน ตอนกำลังออกจากซอย 31 ก็โดนชนโดยรถเมล์สุดซ่า รถร่วมบริการสาย 8 เราเบรคเอี๊ยดเลย ทั้งๆ ที่เราออกมาจะเต็มเลนแล้ว รถเมล์มาจากเลนกลางจะเข้ามาจอดป้าย

ชนเราแล้ว ยังไม่ยอมหยุด ทำให้เราต้องขับรถตาม แล้วปาดหน้าให้จอด เราเดินลงจากรถไปหาคนขับ ถามว่า “ชนแล้วทำไมไม่หยุด” คนขับตอบว่า “ไม่ได้ชน” เราก็เลยบอกว่า “ลงมาดูสิ”

เหมือนจะไม่ลง แต่พอดีตำรวจมา แล้วบอกให้เอารถไปจอดตรงอื่นก่อน เราเรียกประกัน MSIG ของเรา และก็บอกให้เพื่อนๆ ไปกินข้าวกันก่อน เพราะคงอีกนาน

ซักพักประกันของเราก็มา เราก็เล่าให้ฟังว่าเป็นไง กว่าประกันของรถเมล์จะมาก็อีกนาน หิวก็หิว ร้อนก็ร้อน

พอประกันคุยกัน ก็คือรถเมล์บอกว่า เราไปชนท้ายเค้า เค้าขับมาดีๆ … กรำ มันเป็นแบบนั้นได้ไง สรุปคือเค้าไม่ยอมรับผิด แต่เราไม่ได้คุยกับคนขับรถเมล์หรอก เรากลัวเราโมโห เราคุยกับประกันเราอย่างเดียว ให้เค้าเป็นตัวแทนเรา

ก็จะไปโรงพัก เพราะเราก็บอกเราไม่ได้ผิด ถึงแม้ว่าประกันทางรถเมล์จะบอกว่าเราเป็นทางโท มาจากซอย เราก็บอกว่าเราออกมาเยอะแล้ว เพราะรถว่าง แต่รถเมล์อ่ะ มาจากไหนไม่รู้ซิ่งมา แล้วมาปาดหน้า

แล้วประกันของเราก็เหลือบไปเห็นว่า รอยรถเราอ่ะมีสีฟ้าของรถเมล์ด้วย แต่จุดที่คนขับชี้ว่าไปชนท้ายเค้าอ่ะ มันไม่มีสีฟ้าเลย ก็เลยจับโกหกได้ เค้าถึงได้ยอมรับผิด (โอ๊ย เสียเวลานะคะเนี่ย)

ต้องขอบคุณประกันของเรา ที่ช่วยดูทุกเรื่องให้ (ประกันเราคือคนซ้าย ตรงกลางก็ท่านรถเมล์สุดซ่า คนขวาก็ประกันของรถเมล์)

The Time Traveler’s Wife

ชวนน้องก้อยไปดู The Time Traveler’s Wife ที่ Central World รอบ 21.40 น. เป็นหนังที่สนุกมากๆ ซึ้งสุดๆ น้ำตาไหลพรากๆ

ดูหนังจบแล้ว จะอยากกอดพ่อแม่ พี่น้อง และแฟน และไม่อยากใช้เวลาไปกับสิ่งไร้ประโยชน์อีกเลย

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.