Category: Gay Way


The Flight Film

A Film & Video project in Savannah, GA by Jennifer Bird. Visit the film website at www.theflightfilm.com
http://www.kickstarter.com/projects/364655218/the-flight-film

Jennifer Bird said

I’m producing a short film that deals with the visibility of strong lesbian characters, and how they’re presented. It is so important to change the fact that there are few lesbian role models. My project aims to see a future where there are strong, intelligent women for girls to look up to.

Homophobia

Rainbow Flag

ขอบคุณรูป Rainbow Flag สวยๆ จาก Wikipedia

Homophobia คือ คนที่รังเกียจบุคคลที่เป็นรักร่วมเพศ หรือเกย์ คุณจะทราบได้อย่างไรว่าคุณเป็น Homophobia หรือเปล่า วิธีง่ายๆ นะคะ คือ ถ้าหากทุกครั้งที่คุณได้พบได้เห็นเกย์ คุณเกิดความรู้สึกรังเกียจ โดยที่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรคุณแม้แต่น้อย หรือ คุณชอบดูถูก หรือหัวเราะเยาะเย้ย คนที่เป็นเกย์ ไม่ว่าจะด้วยสรรพนามที่เรียก เช่น อิทอม อิตุ๊ด แต๋ว กระเทย หรือเรียกเกย์แทนด้วยคำว่า “มัน” หรือถ้าหนักๆ มาก คือการทำร้ายร่างกายเกย์ เช่น ผู้ชายบางคนอยากจะกระทืบกระเทย หรือทอม ทำนองนี้

ปัญหาเหล่านี้มีมาช้านานแล้วค่ะ ถ้าเห็นได้ชัดเจนในข่าวคือ พวกถือป้ายประท้วงด่าเกย์ เช่นเกย์วิปริต หรือให้ตกนรก เวลาที่เมืองนอกจะออกกฏหมายให้คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ (ตัวอย่างอ่านได้จาก comment ใน entry นี้ค่ะ)

หนึ่งในความยากลำบากในการดำเนินชีวิตของเกย์ ก็มีนี่ล่ะค่ะ การได้พบเจอ หรือทำงานร่วมกับ Homophobia เขียนแล้วให้ความรู้สึกว่าเหมือนการแบ่ง Muggle, Half-blood และ Wizard เลยนะคะ การเป็นเกย์ในสังคมก็คงเหมือนคุณเป็น Half-blood ใน Hogwarts คือ การเป็นคนกลุ่มน้อย

ที่วันนี้อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่าเมื่อเช้านี้ ได้พบเจอ Homophobia คนหนึ่งค่ะ กำลังรอลิฟต์ขึ้นไปที่ออฟฟิศ เราจะขึ้นไปชั้น 30 แต่ผู้ชายท่านนี้มากับกลุ่มเพื่อนหญิง-ชาย รอลิฟต์จะไปชั้น 27 คงจะทราบนะคะว่าออฟฟิศอะไรเอ่ยอยู่ชั้น 27 ของตึก….

ระหว่างรอลิฟต์ กลุ่มคนนี้ได้คุยเรื่องมีพนักงานเข้าใหม่มา ก็ถามไถ่กันว่าผู้ชาย ผู้หญิง หน้าตาเป็นไง หล่อสวยมั้ย ก็ตามปกตินะคะ แต่พอดีว่าคนเข้าใหม่ มีคนหนึ่งเป็นทอมค่ะ ผู้ชายท่านนี้ก็เลยพูดเสียงดังว่า โธ่ ทอมเหรอ เซ็งว่ะ …

เพื่อนๆ เค้าเห็นว่าเรายืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งทอมอยู่ข้างหลัง ก็พยายามสะกิดให้ผู้ชายท่านนี้เบาๆ หน่อย ประมาณว่า เฮ้ย… มีทอมอยู่ข้างหลังหนึ่งคนน่ะ แต่ผู้ชายท่านนั้นกำลังเมามัน ก็เลยพูดต่อว่า

“เห็นทอมแล้วอยากเตะ” ….

แล้วลิฟต์ก็เปิด ทำให้เราทั้งหมดต้องเข้าไปในลิฟต์ ผู้ชายท่านนั้นจึงเพิ่งเห็นเรา แล้วเขาก็เงียบไป และหันไปมองเพื่อน แล้วหัวเราะกิ๊กกั๊กกัน ประมาณว่าซวยแล้ว

ความรู้สึกตอนนั้นมันคือความชิน เพราะว่าเจอแบบนี้บ่อยมากๆ เวลาไปยืนตรงไหน แล้วตรงนั้นเค้ามีการทำตลกเรื่องทอม หรือกระเทย อะไรแบบนี้ แต่มีอีกความรู้สึกหนึ่งคือ เราสงสารทอมคนที่เข้ามาทำงานใหม่คนนั้น เค้ายังไม่ทันจะได้รู้จักใคร หรือแสดงความสามารถอะไรเลย ก็โดนเกลียดซะแล้ว บางทีผู้ชายคนนั้นต่อหน้าอาจจะยิ้มแย้มกับทอมคนนั้น แต่ลับหลังแกก็เป็นแบบนี้ แย่เลยนะคะ

เคยได้ยินสาวออฟฟิศเมาท์ ดีเจเอกกี้ โดยเรียกว่า เอกกี้ว่า “มัน” พูดว่าสมัยก่อนอยู่บอยแบนด์ได้ไง และก็หาว่าเดี๋ยวนี้สะดิ้ง เป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว ฟังแล้วเราก็เศร้าใจ เอกกี้น่ะเค้ามีความสามารถมากกว่าคุณแค่ไหน เค้าเป็นนักร้อง เป็นดีเจ เป็นพิธีกร แต่คุณกลับไปพูดจาดูถูกเค้า ไปเอาเค้ามาเป็น joke

เกย์เป็นคนส่วนน้อยของสังคม ซึ่งสำหรับเรา การเป็นคนส่วนน้อย ก็มีเช่น การถนัดซ้าย เพราะโต๊ะเลคเชอร์ก็มีที่วางแขนแค่ด้านขวา กรรไกรก็สำหรับคนมือขวา จะนั่งกินข้าวก็กลัวมือไปชนคนอื่น ต้องนั่งด้านซ้ายสุด เวลาเขียนปากกาหมึกซึม เขียนๆ ไปมือก็กวาดหมึกที่เพิ่งเขียนไปเปื้อนหมด เมาส์ก็อยู่ด้านขวา เพราะฉะนั้นชินชาแล้วที่จะเป็นคนส่วนน้อยของสังคมอีกแบบ คือเป็น Homosexual

เคยอ่านในนิตยสารของผู้หญิง จำไม่ได้ว่าเป็น Cleo หรือ Elle เค้าเขียนถึง Homophobia ในแง่ว่า ผู้ชายแท้ๆ ไม่รังเกียจเกย์ จะไม่รู้สึกอะไรใดๆ และก็สามารถเป็นเพื่อนได้ และมีมารยาทกับเกย์ แต่ผู้ชายที่แสดงออกมากๆ ว่าเกลียดเกย์นั้น

1. เป็นเกย์ซะเอง

2. เป็นโรคจิต คือ ในวัยเด็กอาจมีประสบการณ์ไม่ดีกับเกย์ หรือเติบโตมาในครอบครัวที่ผู้ชายเป็นใหญ่มากๆ เลยมีความคิดที่ถ้าไม่ใช่ผู้ชาย ไม่เป็นชาย มันไม่ใช่เรื่องดี

หนังสือกล่าวว่า Real Man คือคนที่ให้เกียรติคนทุกคน ผู้ชายทุกคนใช่ว่าจะเป็น Real Man กันได้ง่ายๆ อาจจะเป็นได้แค่ “ผู้ชาย” ก็ได้

“Having a dick makes you a male, not a  man”.

ยกตัวอย่างรุ่นพี่ผู้ชายที่เราเคารพคนหนึ่ง แกให้เกียรติเกย์ ทอม ดี้ กระเทยทุกคนเลยในออฟฟิศ น่ารักมากๆ หรือคุณพ่อของเราเอง คุณพ่อไม่เคยมีทัศนคติแย่ๆ กับเกย์ กระเทย เลยแม้แต่น้อย

เคยได้ยินคำของฝรั่งมั้ยคะ เค้าบอกว่า Homophobes are really gay. จริงไม่จริง ไม่รู้สินะคะ เพราะไม่เคยเป็น อิอิ

เมื่อไหร่ที่การทำงานเราจะเลิกตัดสินกันที่เพศ (judged based on sex and looks) ยกตัวอย่างเช่น

B.A. (Beauty Advisor) ตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ คุณเคยสังเกตมั้ยคะว่า B.A. ที่เก่งๆ คือเกย์ บางทีที่เห็นเยอะๆ คือ พี่เกย์บางคน ยิ้มแย้ม แจ่มใส แนะนำสินค้าด้วยความร่าเริง เป็นกันเอง มากกว่า B.A. ผู้หญิงแท้หน้าหงิกๆ ทำหน้าเริ่ดๆ ซะอีก

และที่ร้านยำแซ่บ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่นั่นจะมีน้องเกย์ น่ารักๆ คอยต้อนรับ และเอาใจใส่ลูกค้า ผิดกับหญิงแท้ที่สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ที่หน้าหงิกตลอดเวลา

คือที่ยกตัวอย่างมานี่คือ จะแสดงให้เห็นว่าศักยภาพในการทำงาน ในคุณค่าของตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณเป็นเพศอะไร คุณดูเป็นยังไง

ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล ความคิด ทัศนคติ การกระทำของคนนั้นๆ เกย์บางคนอาจจะไม่ดี ก็เหมือนชายแท้ หญิงแท้ บางคนก็ไม่ดีไปทั้งหมด เมื่อไหร่ที่เราจะเลิกเกลียดกันตั้งแต่ยังไม่เคยรู้จักกันซะที

Quote ประจำ Entry นี้คือ (เหมือนนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเลยเนอะ) เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ถูกเกลียดทุกคน 🙂
Before asking someone why they hate you, ask yourself why you even really care.

ปล. พอดีมี comment เข้ามา เห็นว่าน่าจะเข้ากันได้ดีกับ entry นี้ จากคุณ God hates fags (saizaa_saikoko@hotmail.com)

พวกผิดธรรมชาติเดี๋ยวนี้กลายเป็นเรื่องปกติแล้วหรอ ? แย่จัง …
แล้วคอยดูพระเจ้าจะจับพวก เกย์ เลสเบี้ยน ดี้ ทอม โยนบึงไฟนรกโดยพระหัตน์ของพระองค์เอง เอเมน

มีบทความน่าสนใจเรื่อง Employees Should Be Judged on Performance, Not Sexual Orientation or Gender Identity มาแนะนำค่ะ

เมื่อวันก่อนโน้น ดูวู้ดดี้เกิดมาคุย แล้วมี นก ยลดา มาออก เราไม่เคยรู้จัก นก ยลดา มาก่อนเลย ไม่ทราบว่าเค้าเป็นใคร เราก็นั่งดูรายการด้วยความสนใจว่า เค้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

แต่ดูเหมือนว่า พิธีกรจะเชิญคุณนก มาออกรายการด้วยความอยากให้คุณนกโดนต้มยำทำแกงซะเละมากกว่า เพราะตัวพิธีกรก็ดูจะดูแคลนความคิด และสิ่งที่คุณนกเชื่ออยู่ไม่น้อย ดูจากสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง แถมแขกรับเชิญที่เชิญมา ก็ยังให้ความเห็นในทางตรงข้ามกับคุณนก ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น คุณมัม และคุณจิ๋ม มันก็ไม่แฟร์กับคุณนก

เรากำลังอยากฟังว่าผู้หญิงข้ามเพศคืออะไร แล้วที่ WHO อธิบายไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่คุณนกกล่าวถึง เค้าพูดว่าอะไร แต่ตลอดรายการ มันเหมือนเสี้ยมให้เกิดการโต้เถียง เลยไม่ทราบเนื้อหาอะไรใดๆ ทั้งนั้น  ดูแล้วนึกถึงคุณไตรภพ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพิธีกรชอบอวย ชอบชมจนเว่อร์ เราก็ไม่ชอบการชมจนเว่อร์ของคุณไตรภพ แต่ถ้าคิดให้ดี คนทุกคนย่อมเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านดี และด้านไม่ดี ถ้าคุณจะเชิญใครมาซักคน โดยที่คุณก็เย้ยหยันเค้า แล้วเราจะนำเสนอสิ่งที่เค้าต้องการบอกได้ไง เนื้อหามันไม่มี หรือเดี๋ยวนี้รายการที่จะฮิต คือรายการที่ต้องแรงๆ เกิดเหตุการณ์แรงๆ ถึงจะดัง แถมรายการก็มีการตัดต่อคำพูดของคุณนก ออกไปตั้งเยอะ

ถ้าให้สัมภาษณ์คุณนก ดีๆ แล้วปล่อยให้คนดูได้คิดเองว่า ความคิดของคุณนกถูก หรือไม่ถูก ไม่ดีกว่าเหรอ

เท่าที่ฟังจากในรายการ เราไม่เห็นด้วยกับคุณนกในหลายอย่าง และเราว่าถึงจะให้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้ หรือแต่งงานได้ มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ คนที่ไม่ยอมรับ ไม่ชอบ รังเกียจเพศที่ 3 เปลี่ยนความคิดได้หรอก เราไม่เห็นประโยชน์ เราควรเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองมากกว่า เป็นกระเทย เป็นทอม ก็เป็นให้มีคุณภาพ ยอมรับในสิ่งที่เป็น และก็ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์

ใจความสำคัญในการดำรงชีวิต มันไม่ได้อยู่ที่ตรง ทำให้คนคิดว่า เราคือผู้หญิงนะ เราคือผู้ชายนะ โดยส่วนตัวเราคิดว่า เราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้หรอก หรือบังคับใครให้มาเข้าใจในตัวเรา แต่เราเลือกทำชีวิตเราได้ เราต้องเป็นคนเก่ง เป็นคนดี เป็นอะไรที่สร้างสรรค์เพื่อสังคมได้ โดยไม่ต้องมานั่งคิดว่า เราต้องเป็นอะไร ต้องมีป้ายบอกว่า เราเกย์นะ เราทอมนะ เราดี้นะ เรากระเทย

กระเทยบ้าๆ ก็มีเยอะ  ทอมบ๊องๆ ก็มีเยอะ ก็เหมือนผู้ชาย ผู้หญิง ที่ก็มีดี มีเลว แต่แค่ว่าพอเป็นเพศที่ 3 มันจะมีป้ายต่อมาให้ เช่น ถ้ามีลงหน้า 1 มันจะเป็น “เกย์เฒ่าถูกฆ่าตาย” “ทอมหึงหวงฆ่าดี้” เหมือนเป็นยศ เป็นป้ายที่ต้องมี จะไม่ใช่ “ชายแก่ถูกฆ่าตาย” “ผู้หญิงฆ่าคู่รัก” มันเป็นอะไรที่ต้องระบุลงไป เพื่อบรรยายคนๆ นั้้น ทำให้คนอ่านข่าวรู้สึกว่า พวกกระเทย ทอมดี้ นี่มันโรคจิตนะ ฆ่ากันตายอีกละ น่ากลัว ทั้งๆ ที่ผู้ชาย ผู้หญิงฆ่ากันตายออกจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่ามาก

ถ้าเราต้องใส่ใจกับทุกอย่าง มันก็น่าปวดหัวนะ อย่างถ้าเราเจอผู้ชายที่แค่เห็นทอม ต่อมความเกลียดก็พุ่งกระจายแล้ว เราก็คงอยู่อย่างไม่มีความสุขใช่ไหม กับคำพูดที่ว่า

“ผู้หญิงก็ต้องคู่กับผู้ชาย”
“แรกๆ ผู้หญิงก็ต้องคบทอม พอสุดท้ายก็แต่งงานกับผู้ชาย”
“นิ้วหรือจะสู้…อุ่นๆ ได้”
“โดนทีเดียว ก็หายทอมแล้ว”
“รับซ่อมทอม”
“ลองกระเทยมายุ่งกับกูนะ กูจะถีบให้คว่ำ” (แต่ได้เคยถามเค้าไหม ว่าเค้าอยากจะยุ่งกับแกหรือเปล่า)
“ไม่อยากมีลูกดูแลตอนแก่เหรอ”

คนพูดก็สะใจ ที่ได้พูด ได้แสดงความเป็นชายออกมาละ สบายใจไปทั้งวัน

บางทีเราเห็นทอมบางคน มันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ น่ะแหละ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งกอดทั้งหอมดี้ หรือตะโกนวะ เว้ย เฮ้ย ดังลั่น แสดงความเป็นทอมห้าว เห็นแล้วก็คิดว่า เพราะพวกแกนี่ล่ะ คนเค้าถึงเกลียดทอม

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาพ่อแม่ไม่ยอมรับลูกที่เป็นเพศที่ 3 เป็นปัญหาที่จะไม่มีวันหายไป เพราะพ่อแม่ที่แต่งงานกัน มีลูกได้ เค้าก็ต้องเป็นชายจริง หญิงแท้ ซึ่งแน่นอน ย่อมไม่เข้าใจการเป็นเพศที่ 3 ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ชอบเพศตรงข้าม

นอกจากเด็กบางคน จะโชคดี เจอพ่อแม่ที่รักลูกในสิ่งที่ลูกเป็น มากกว่าสิ่งที่อยากให้เป็น หรือไม่พ่อแม่บางคน ก็เป็นซะเอง แต่ยังไม่รู้ตัวเอง จนมารู้ตัวตอนแก่ ว่าชอบเพศเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมาอีก

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเกย์ เป็นทอม เป็นดี้ เป็นกระเทย แล้วชีวิตมีแต่ปัญหาจะตาย มีแต่อะไรก็ไม่รู้ ถ้าใช้สมองคิด คงเลือกที่จะไม่เป็นมากกว่า จะได้สบาย แต่เรื่องแบบนี้ ใช้สมองบวกลบข้อดี ข้อเสียไม่ได้ แต่ต้องมาจากใจ ซื่อสัตย์กับใจตัวเอง เราจะได้ไม่ไปทำปัญหาให้ใคร

เหมือนที่พ่อเคยพูดกับเราว่า “จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดีก็พอ

Gay Acceptance

รักแห่งสยาม

วันนี้ออกไปกินข้างกลางวันกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าอร่อย ซึ่งต้องนั่งรถกันไปกิน หัวหน้าได้ขับรถพาน้องๆ ออกไปกิน ระหว่างที่กินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ ก็ได้พูดคุยกันถึงหนังที่แต่ละคนได้ไปดูมา บางคนไปดู “ฝัน หวาน อาย จูบ” มา ก็ให้ความเห็นว่าผิดหวัง เพราะนึกว่าจะดีเหมือน “รักแห่งสยาม”

หัวหน้าก็เลยบอกว่า “รักแห่งสยาม มันหนังเกย์นี่หว่า”

ลูกน้องตอบ “มันเป็นหนังครอบครัวนะ”

หัวหน้า “มันเป็นหนังเกย์”

เราก็เลยบอกว่า “มันเป็นหนังที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ดู ก็จะได้ข้อคิดเกี่ยวกับถ้าเรามีลูกเป็นเกย์ จะได้เข้าใจ ถึงสิ่งที่ลูกเป็น”

หัวหน้า “มันไม่ควรจะออกสื่อ เรื่องเกย์อะไรนี่ มาออกสื่อกันว่ายอมรับ ยอมรับ กัน อย่างเอากระเทยมาออก เอาเพื่อนมาสัมภาษณ์บอกว่ารับได้ไหม เพื่อนก็ตอบว่ารับได้ๆ พี่อยากถามว่า ถ้าเป็นลูกมันเป็น มันจะรับได้ไหมวะ”

เราเลยถามว่า “พี่ก็มีลูกน้องเป็นเกย์ (หมายถึงเราเอง) …”

หัวหน้าบอกว่า “มันคนละเรื่องกัน”

มันก็เลยทำให้เราเอามาขบคิดว่า มันก็ไม่ใช่ทุกคนจริงๆ นะ ที่จะยอมรับในคนแต่ละคนเป็น ไม่ใช่ว่าเค้าเป็นคนไม่ดีนะ ที่ไม่ยอมรับ แต่มันก็มีเรื่องอคติ มาขวางกั้นความเข้าใจไว้ เหมือนคล้ายๆ ไม่เป็น ไม่เจอ ก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก

เหมือนโอเค เรายอมรับได้ถ้าเค้าเป็นลูกน้องเรา เป็นผู้ร่วมงาน แต่ถ้าเค้ามาเป็นลูกเรา เราไม่โอเค งั้นต้องลองถามตัวเองดูว่า “จะยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น หรือสิ่งที่อยากให้ลูกเป็น” คุณรับไม่ได้ถ้าเค้าเบี่ยงเบน คุณต้องทำไง เอาแส้ฟาดเค้าไหม

ถึงแม้ว่า Poll ในต่างประเทศจะออกมาว่า New polls show gay acceptance on the rise แต่เราว่ามันก็ยังทำให้คนที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมการ “ไม่ยอมรับ” มีปัญหา ไม่ใช่ว่าคนเป็นเกย์ มีปัญหานะ แต่คนรอบข้างที่ไม่ได้เป็นน่ะ “ทำให้เป็นปัญหา” มันก็เลยเป็นปัญหา

คนจะเป็นเกย์ ไม่ใช่ดูทีวีทุกวัน เห็นเกย์ในทีวีเค้าจะเป็นเกย์นะ มันมาจากจิตใจ ถ้างั้นเราถามกลับบ้างว่า หนังส่วนใหญ่ 98% เป็นหนังปกติ ช รัก ญ ปกติ เราดูตั้งแต่เด็ก ทำไมเราไม่เป็นคนที่ชอบ ช ล่ะ ถ้ามันจะมีอิทธิพลขนาดนั้น

สิ่งที่เป็นคืออะไร มันคือสิ่งที่คุณมองว่าเค้าเป็นอะไร เค้าเป็นเกย์ แต่เค้าเป็นลูกที่ดีหรือเปล่า เค้าเป็นเกย์ แต่เป็นคนดีในสังคมหรือเปล่า เค้าเป็นเกย์ แต่เป็นลูกน้องที่ดีหรือเปล่า การที่สื่อเอาเรื่องเกย์ออกมา แล้วอยากให้คนยอมรับ เพราะมันมีคนดูอีกมากมาย ในหลืบในซอกสังคม ที่ดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจ ให้เค้ารับรู้ว่าเค้าไมไ่ด้อยู่คนเดียวในสังคม ให้คนได้มองโลกในอีกแง่ ที่เค้าอาจจะไม่เคยเจอเลย ในชีวิตประจำวัน การออกมายอมรับว่าเราเป็นเกย์ มันดีกว่าการที่เราต้องเสแสร้งแต่งงาน มีครอบครัว ทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการ สื่อต้องการแสดงให้เห็นว่า โลกเราไปถึงไหนแล้ว รสนิยมทางเพศไม่ใช่อุปสรรคในการพัฒนาสังคม

ชาย หญิง ตุ๊ด เกย์ กระเทย ทอม ดี้ ก็ต้องมีทั้งคนดี และคนไม่ดี แต่ก็อยากให้มองเป็นตัวบุคคลไป เพราะก็ไม่ใช่ว่าเป็น ตุ๊ด เป็นเกย์ เป็นทอม มันจะต้องแย่ไปซะหมด

พ่อแม่เรามีลูกเป็นเกย์ สิ่งที่เค้าบอกออกมาคือ “ลูกจะเป็นอะไร พ่อแม่ก็รัก ขอให้เป็นคนดีก็พอ” การอยู่ในครอบครัวที่มาจากความรัก ความเข้าใจ มันทำให้คนเติบโตมาเป็นคนดี ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหน

เคยมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เรารู้จัก เค้าเคยพูดไว้ว่า ถ้าพี่มีลูกเป็นเกย์ เป็นทอม เป็นดี้ เป็นกระเทย พี่ไม่ว่าหรอกนะ ขอแค่ให้เค้าเป็นคนดีก็พอ พี่คนที่พูดเป็นผู้ชายแบบแมนๆ มาก มีหนวดมีเครา ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดแบบนี้

หนังรักแห่งสยามเป็นหนังดีนะ มันแสดงอารมณ์มากมาย ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะเป็นไง คนเป็นลูกเองก็ไม่ได้อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง แต่มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว จะให้ทำอย่างไร

อยู่กันในสังคม ให้ผลงานกับความดีนั้น วัดคุณค่าในตัวคน มากกว่ารสนิยมทางเพศดีกว่า

Daniel Radcliffe’s Passionate Gay Kiss

I watched True Vision last night and saw this news. I was like “Wohh”. That was just disturbing. Why he had to do that with Daniel? Daniel accepted theater awards for his work in Equus on Sunday night. The Harry Potter actor was celebrated at the Theatregoers’ Choice awards in London where he received two awards, including one for his performance in last’s year’s London End’s showing of Equus.

Out of the blue the show’s host, James Corden ambushed him with a kiss. A really deep, passionate, long wet kiss. Daniel Radcliffe had been shocked after receiving a lingering kiss from a man on stage. Gay TV actor James Cordon had presented the ‘Harry Potter’ star not only an award at the Theatergoers’ Choice Awards but also a full-on gay kiss in front of the cheering audience.

When the 18-year-old got on stage at the awards event in London on Sunday to receive the Best Newcomer for his West End performance in ‘Equus,’ he was presented with the thrilled Cordon with a prolonged kiss on Radcliffe’s lips.

However, Radcliffe claims he wasn’t embarrassed by the impromptu kiss and even put his arm around the actor’s neck after his initial shock.

“It was a spontaneous gesture that was very funny. Daniel took it in the light-hearted spirit it was intended,” Radcliffe says.

Love of Siam

Snoopy & Qoo

On Friday 23 November 2007, I went to The Siam Paragon to watch Love of Siam with N’Goy. I got out of the office at 5.30 PM. N’Goy was waiting for me at Star Bucks, Siam Paragon. N’Goy looked beautiful *♥o♥* She went to Sport Day at her school, Couvent De L’assomption with her friends. I arrived The Siam Paragon at 7.10 PM. We went to eat Japanese foods at Fumi in Food Hall. The show started at 7.20 PM. so we missed the beginning of the movie.

I wanted to see this movie because I listened to the director’s interview on EFM. He said he wanted the audiences to think “How much space do you have for people who different from you?”. He wanted to let them to see a different kind of love. Why would you want to be something you’re not?

I like this movie but I guess most of male audiences felt yuck. They expected to see a teenager love story but it turned to be something they didn’t want to see.

Sometimes love is just not enough. 2 people from 2 different places decide to live together. To have commitment. It takes something more than love. Every couple needs support from their parents or friends. They want you to bless them.

The scene that made me cry was the scene that Synjai asked her son to choose what he truly wants. The symbol of a girl or a guy to hang on the Christmas tree. She started to accept what her son is. To love him as he is.

It reminds me when I first told my Papa and Mama that I am lesbian. My Papa said “No matter what you are, you are still my daughter and I love you”. He’s the man.

Love is patient, love is kind. It does not envy, it does not boast, it is not proud. it is not rude, it is not self-seeking, it is not easily angered, it keeps no record of wrongs. Love does not delight in evil but rejoices with the truth. It always protects, always trusts, always hopes, always perseveres.

I have changed myself just for one reason. The reason is love. I want to make this love last forever. Even I have to swallow my pride and there’s nothing left to be me.

Albus Dumbledore Is Gay

Albus Dumbledore

Harry Potter author JK Rowling has revealed that one of her characters, Hogwarts school headmaster Albus Dumbledore, is gay. Albus Percival Wulfric Brian Dumbledore is a fictional character within the Harry Potter. I couldn’t believe it. He’s gay? For me Severus Snape looks gay more than Dumbledore.

It’s good attempting to show ‘coming out’ in a positive light but it’s kinda shocking. I am Harry Potter’s fan. I read Harry Potter and the Philosopher’s Stone when I was a cabin attendant. I remember I read it when I was in Narita all night.

Washington Post, Reuters
Saturday, October 20, 2007; 2:08 AM

NEW YORK (Reuters) – J.K. Rowling has outed one of the main characters of her best-selling Harry Potter series, telling fans in New York that the wizard Albus Dumbledore, head of Hogwarts school, is gay.

Speaking at Carnegie Hall on Friday night in her first U.S. tour in seven years, Rowling confirmed what some fans had always suspected — that she “always thought Dumbledore was gay,” reported entertainment Web site E! Online.

Rowling said Dumbledore fell in love with the charming wizard Gellert Grindelwald but when Grindelwald turned out to be more interested in the dark arts than good, Dumbledore was “terribly let down” and went on to destroy his rival.

That love, she said, was Dumbledore’s “great tragedy.”

“Falling in love can blind us to an extent,” she said.

Read full article click here

Gay rights campaigner Peter Tatchell welcomed the news about Dumbledore and said :

“It’s good that children’s literature includes the reality of gay people, since we exist in every society.

“But I am disappointed that she did not make Dumbledore’s sexuality explicit in the Harry Potter book. Making it obvious would have sent a much more powerful message of understanding and acceptance.”

And a spokesman for gay rights group Stonewall added :

“It’s great that JK has said this. It shows that there’s no limit to what gay and lesbian people can do, even being a wizard headmaster.”

2 Movies A Day at Siam Paragon

Robert De Niro

After I got a full time job, I feel much more relax. I am worried only about the personal loans from the bank. I am waiting for it. I need it urgently to do the laser eye surgery. I took every job I could. There is a job that I’ve never thought I could even do but I’ve already put myself into it already. I will do it just because I love my family.

On October 5, 2007 I met Kris and P’Un Puwanart at GMM Grammy Place in the moning. I had lunch at Dee’s with Bua, Jib, Tee and Boyd and I went to Sanook Online Limited to sign the contract. After that I picked N’Goy up at Thammasat University. We went to Siam Paragon to watch a movie. I wanted to watch Stardust. N’Goy also wanted to watch Underdog so we watched them both. After watching Underdog, we had dinner at Kalapapruek Restaurant. N’Goy pouted at me because I fell asleep during the movie. I was tired. Anyway this movie made me think of Elf, my long gone beagle. He was an extremely lively, healthy and happy dog with a lot of personality. He loved all man kind and they seemed to love him back, probably because of his happiness. You couldn’t help laughing at him. I miss him.

Then we watched Stardust. It’s about a young man named Tristan (Charlie Cox) tries to win the heart of Victoria (Sienna Miller), the beautiful but cold object of his desire, by going on a quest to retrieve a fallen star. His journey takes him to a mysterious and forbidden land beyond the walls of his village. On his odyssey, Tristan finds the star, which has transformed into a striking girl named Yvaine (Claire Danes).

This movie has everything a fantasy movie should have, romance, clever witticisms, great acting and a fair dose of magic. Exciting, hilarious and equipped with wonderful imagery as well as unforgettable characters, Michelle Pfeiffer and Robert De Niro‘s especially, I challenge anyone to watch this movie without a smile. Robert De Niro and Michelle Pfeiffer were equally well-casted; DeNiro as that gay sky pirate. I laughed so hard at that one scene where Septimus comes on the ship. Pfeiffer played a decent villain, she had the right amount of melodrama and snide comments throughout the movie.

Robert De Niro’s Captain Shakespeare character is attempting to show ‘coming out’ in a positive light. I love it!

AfterElton.Com said that

But even if I was going to hold the character against the movie I’d still say I’m glad it had the stroy the way it did for two reasons – 1) The captain was outed in the end and the whole crew of cut throat pirates said “We knew and you’re still our captain.” They accepted him even though it was his biggest fear that he’d lose his reputation. 2) Several times in this storyline and two other running storylines in the movie the point was made, “Why would you want to be something you’re not?”

And in the end Robert de Niro flirts with a cutie.

Plus! And here is something I really want to know about – Who was behind this movie? It was SOOOOO gay. Ian McKellan was the narrator. Ruperett Everett was one of the princes and had some very brief scenes. The pro gay storyline.

Read the full article here

Homo-Erotic Images on Thai Paintings

Thai Painting

Cee has sent me an email said that Anjaree is doing an event this Saturday talking about homo paintings inside wats. Cee is going.

This event is called A Special Tour to View Homo-Erotic Images on Thai Traditional Mural Paintings

Saturday 17 February 2007, 11.00 – 16.00. Meeting Time is 11.00 and meeting place is at the ticket booth of the Bangkok National Museum. For more information, please click here.

Homosexual is nothing new. Some straight people like to ask ‘Why nowadays many gays and lesbains in the society more than before, maybe because it is ‘fashion on‘. I don’t think so. They just dare to come out from the closet because the society is more open and accept gay & lesbian.

Did you know that Alexander, King of Macedonia is bisexual? Even Elizabeth Arden is lesbian. She is businesswoman who built a cosmetics empire in the United States. Many gays & lesbians are around you but they don’t have to stick the sign “I’m gay” on their forehead to let you know. You gotta have ‘Gaydar‘ like I have ^^

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.