Archive for February, 2009


ขอจันทร์

ไข่เจียว

ช่วงนี้หมีน้อยหยุดอ่านหนังสือสอบ หมีน้อยจะปิดเทอมใหญ่แล้ว เราเลยหัวใจว้าวุ่น (แง) ก่อนเราจะออกไปทำงาน หมีน้อยก็เลยตื่นมาทำข้าวเช้าให้กิน ตอนแรกหมีน้อยจะทำข้าวผัดให้กิน แต่เราอยากกินข้าวไข่เจียว หมีน้อยเลยทำข้าวไข่เจียวให้ 🙂

วันก่อนมี New Moon หรือที่เรียกว่า วันจันทร์ดับ (นักโหราศาสตร์โบราณเรียกว่า วันอมาวสี) ได้ขอพรจากพระจันทร์กันหรือเปล่าคะ ส่วนเราทำตามวิธีการที่เค้าบอกกันเป๊ะ!

ลองไปอ่านดูนะคะ http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538724043&Ntype=47

Cherubin Chocolate Cafe’

วันนี้ตอนเลิกเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ สสท. ก็ขับรถมากินขนมเค้กที่ร้าน Cherubin ในซอยสุขุมวิท 31 จากหน้าปากซอยก็เดินเข้ามาไม่ไกล ด้านหน้าร้านก็มีที่จอดรถ ถ้ามาทาง BTS ก็ลงที่สถานีพร้อมพงษ์นะคะ

ปกติเราจะแวะซื้อเค้กจากร้านนี้ไปฝากน้องก้อย แต่วันนี้มีเวลาว่างก็เลยนั่งกินที่ร้าน ของโปรดก็ต้อง French Chocolate Cake มีวิปครีมอร่อยๆ กินด้วยกัน ยังบอกน้องก้อยเลยว่า ทำไมแถวบ้านเราไม่มีร้านขนมเค้กอร่อยๆ แบบนี้บ้างเนอะ

Tom Cruise – Valkyrie

Tom Cruise - Valkyrie

วันศุกร์เลิกงานก็รีบไปหาน้องก้อยที่ Central ลาดพร้าว เพราะน้องก้อยบอกว่าเสื้อ EDC กำลังลดราคา พอไปถึงกลับไปถูกใจเสื้อที่ไม่ได้ลดราคา (แป่ว) จากนั้นก็นั่ง MRT และต่อ BTS ไปดูหนัง Valkyrie กับน้องก้อย รอบ 20.22 น. ที่ Central World

ก่อนไปที่ Central World ก็ไปกินข้าวเย็นที่ Dairy Queen ที่สยามเซ็นเตอร์ จริงๆ อยากกินไอติม แต่ว่ากำลังลดความอ้วน เลยต้องหักห้ามใจ (แงๆ) แล้วเราสองคนก็เดินไป Central World ด้วยกัน เดินไปก็คุยเรื่องต่างๆ ไปด้วย น้องก้อยทำอะไรบ้างวันนี้ เราทำอะไรบ้างวันนี้ ระยะทางไกลๆ ก็เลยใกล้

Valkyrie เป็นหนังที่ทำให้ต้องลุ้นระทึกตลอดเวลา ตอน Hitler ออกมาแต่ละที เราก็ใจเต้นแทนทหารพวกนี้ไปด้วย เป็นหนังที่ดีนะ แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย แต่ลุ้นๆ ตื่นเต้นดี

Protected: บางทีก็เบื่อเกิ๊น

This content is password protected. To view it please enter your password below:

The Curious Case of Benjamin Button

The Curious Case of Benjamin Button

ไปดูหนังเรื่อง “แบรด พิตต์ แก่” ของน้องก้อยมา (The Curious Case of Benjamin Button) ไปดูกันที่ Central World รอบ 3 ทุ่ม เป็นหนังที่ดีมากกกก จะดีไปไหน เนื้อเรื่องดีมาก ดูหนัง 3 ชั่วโมงไม่เบื่อเลย ดูได้เรื่อยๆ น่าติดตาม ให้แง่คิดการใช้ชีวิตเยอะมาก จะบรรยายยังไงดี เพราะรายละเอียดในหนังเยอะมาก และทุกรายละเอียดก็น่าสนใจ คือมันไม่สำคัญว่าเราจะใช้ชีวิตเด็กไปแก่ หรือจากแก่มาเด็ก แต่อยู่ที่ว่าเราใช้ชีวิตแบบไหนต่างหาก

ตอนดูจบน้องก้อยต้องหันมาพูดด้วยว่า “You never know what’s comin’ for ya” น้องก้อยแอบร้องไห้ด้วย อิ๊ๆ

ตอนที่ทำให้แบรด พิตต์หนุ่มแบบเด็กยี่สิบต้นๆ ก็ สุดยอดมาก ไม่รู้จะหาคำไหนมาชมได้อีก เรื่องนี้ห้ามพลาด!

Mother Warriors

Mother Warriors

เราชอบดูรายการ The Oprah Winfrey Show ทางช่อง Hallmark เพราะดูแล้วได้แง่คิดในหลายๆ อย่าง เพราะ Oprah จะเชิญผู้ร่วมรายการแต่ละคนมาสัมภาษณ์ในแบบที่ เราอาจจะไม่เคยคิดว่า มีคนแบบนี้ และเจอแบบนี้ในโลกนี้ด้วยเหรอ และวิธีการที่เค้าดำเนินชีวิตมันแบบ น่ายกย่องมาก เป็นแบบอย่างกับคนอื่นๆ แถมยังให้กำลังใจคนที่มีัปัญหาเหมือนกัน ว่าอย่างน้อยเหตุการณ์เลวร้าย ย่อมมีทางที่ดีขึ้น เป็นรายการแง่บวก

มะกี้นี้เอง เป็นเรื่องของ Mother Warriors ซึ่งเป็นชื่อหนังสือที่ Jenny McCarthy แต่งขึ้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่ยอดนักสู้ เท่าที่เราดู (เราไม่ได้ดูตอนแรกนิดหน่อย) จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณแม่คนหนึ่ง ชื่อคุณ Monica ซึ่งเกิดอาการ flesh-eating bacteria หลังคลอด ซึ่งพอคลอดเธอจะมีไข้ เธอก็คิดว่าไม่เป็นไรมาก จากนั้นท้องของเธอก็ปวดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดต้องย้ายไปโรงพยาบาลอีกแห่ง ซึ่งการที่จะเอาชีวิตรอดได้ ต้องเอากระเพาะปัสสาวะ, รังไข่, ถุงน้ำดี และลำไส้ใหญ่ของเธอออก และยังไม่พอ…

สี่อาทิตย์ต่อมาการติดเชื้อของ Monica ทำให้เลือดไม่ถ่ายเทไปที่แขน และขา พยาบาลจะต้องทำความสะอาดแขน และขาเธอ จนในที่สุดเธอเธอก็บอกว่า เธอต้องการรู้ว่าเธอกำลังต่อสู้กับอะไร เธอไม่ต้องการการปกป้องอีกต่อไป ไม่รู้แปลถูกป่าว คำพูดเธอคือ “I needed to know what I was up against. I didn’t want to be shielded anymore” คือเหมือนคล้ายๆ ทุกคน ก็พยายามจะป้องกันเธอไปเรื่อยๆ แต่มันก็ยังไม่ใช่วิธีที่จะชนะสิ่งที่เกิดขึ้น

การที่จะชนะการติดเชื้อนี้ คือการตัดแขน และขาเธอออก Monica บอกว่า ทำมันเถอะ ชั้นต้องการกลับบ้าน “Do it. I’ve got to go home” เธอบอกว่า ตอนนั้นเธอคิดว่า ชั้นมีชีวิตที่ต้องการดำเนินต่อ และมันก็ไม่ใช่การอยู่ที่นี่ (โรงพยาบาล) ชั้นจะได้ก้าวต่อไปไม่ได้ จนกระทั่งคุณตัดมันออก “I have a life to live and it’s not here, and until you amputate, I can’t move forward” เธอผ่าตัดถึง 37 ครั้ง

หมอ และพยาบาล คิดว่าพวกเขาจะพบกับการคร่ำครวญว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมต้องเป็นเรา” ในเวลาเกิดเหตุการณ์เลวร้าย แต่ Monica ไม่เลย เธอยอมรับโชคชะตา และสู้ต่อ เธอพูดว่า “ชั้นคิดว่าถ้าพระเจ้าจะทิ้งแขนข้างหนึ่งให้ชั้นไว้ก็ยังดี จะได้หยิบอะไรได้ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ชั้นก็คิดว่าโอเคล่ะ ท่านคงมีเหตุผลของท่าน ชั้นดีใจที่มีชีวิตอยู่กับสามีที่น่ารัก และลูกทั้งสอง”

สามีเธอก็ยืนหยัดต่อสู้เพื่อเธอเสมอ ไม่คิดแม้แต่จะทิ้งเธอไปไหน จน Oprah และผู้ชมต้องถามว่า เค้ามีน้องชายบ้างไหม ญาติห่างๆ ก็ได้ Oprah ต้องชมกันเลยว่า เขาเป็น Real Man จริงๆ

ทำให้คิดได้ว่าการที่จะเป็นผู้ชายจริงๆ เนี่ย ไม่ใช่ว่าคุณเป็นผู้ชาย แล้วคุณคือลูกผู้ชาย แต่มันเป็นความอดทนมากกว่านั้น อดทนที่จะดูแล ปกป้องผู้หญิงที่คุณรัก รักษาสัญญา และทำมันให้ได้

คุณ Jenny McCarthy ยังบอกอีกว่า แม่ของทุกคนที่บ้านก็เป็นนักสู้ งานบ้านมันเป็นงานหนัก ทุกคนควรได้เงินจากการทำงานบ้านด้วยซ้ำไป

ลองอ่านเรื่อง Monica และครอบครัวเธอเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ http://www.oprah.com/slideshow/oprahshow/20080910_tows_monica/1

ได้รับ Forward Mail มาค่ะ เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มาก

14 กุมภาพันธ์ เทศการแห่งความรักนี้ … เพลย์พาร์คเชิญชวนเพื่อนๆ มอบความรัก ความอบอุ่น ให้กับน้องหมา และน้องแมว ที่พิการ ณ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ

เพียงเพื่อนๆ ร่วมส่งใจ ส่ง SMS เข้ามาที่ 4666006

เงินจะนำไปมอบให้มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ในอุปถัมป์ของหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ ศกนี้

พิมพ์ PP001 วรรค 1PP  ส่งมาที่ 4666006

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ (มีแลกไอเทมในเกมด้วย สำหรับคนเล่นเกมออนไลน์)
http://www.playpark.com/microsite/valentine2009/

Thank You Tina & Orr

เสาร์นี้ ต้องไปสยามพารากอนอีก (อีกแล้วค่ะ) เอาสมุด INLOVE Marsha ไปให้คนที่สั่งซื้อ ตอนเช้าไปเรียนภาษาญี่ปุ่น แล้วก็มาพารากอน เจอกับอ้อ และทิน่า ซึ่งทิน่าอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ เราก็เลยไปกินกันที่ Dairy Queen (อีกแล้วค่ะ) เรากิน Hamburger

จากนั้นก็เดินกลับมาพารากอน ทิน่าเดินผ่าน Bobbi Brown ซึ่งกำลังจัดงานอะไร Eyebrow ไม่รู้ ทิน่าก็อยากจะกันคิ้ว ก็เลยชวนน้องก้อยเดินไปดู เรากับอ้อก็รออยู่ ทิน่าได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องก้อยเป็น Sparkle Eye Shadow ของ Bobbi Brown สองสาวเลยได้ไปกันคิ้วสมใจ

ตอนทิน่ากับอ้อ เดินไปแลกคูปองอะไรซักอย่าง น้องก้อยเลยไปกันคิ้วก่อน และก็แต่งหน้าด้วย แบบ smokey ใช้เวลานานมาก เนื่องจากคิ้วหนาหรือเปล่าไม่รู้ อิอิ  แต่ทิน่า กับอ้อ ก็รอ ร๊อ รอ

พอเสร็จแล้วทิน่าจะกันคิ้วต่อ สต๊าฟเค้าบอกว่าต้องให้รออีกครึ่งชม. เพราะมีลูกค้าต้องดูแล ทิน่าเลยถามว่ารอมาแล้วหนึ่่งชั่วโมง ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงเหรอเนี่ย เค้าก็ยืนยันให้รอ เค้าให้เหตุผลว่าใช้เวลาไปกับน้องก้อยเยอะแล้ว เพราะแต่งหน้าด้วย

เราก็เกรงใจทิน่ามากอ่ะ ต้องขอโทษจริงๆ  แต่ทิน่ากับอ้อก็น่ารักมากๆ บอกว่าไม่เป็นไร ยัยเด็กก้อยก็ยังคิดมากไม่หายซักที บอกแต่อยากให้พี่ทิน่าได้กันคิ้ว เป็นเพราะก้อยทีเดียว

แต่น้องก้อยเลิกคิดมาก และยิ้มได้ เมื่อได้รับ sms จากทิน่า ก็ต้องขอบคุณทิน่า และอ้อมากๆ นะ สำหรับวันนี้ ขอบคุณจริงๆ

Inkheart

เมื่อวันก่อนเลิกงาน แล้วก็ไป Siam Paragon ทำงานมาเหนื่อยมาก ก็อยากกินอะไรอร่อยๆ เลยไปกิน Dairy Queen กิน Double Cheese Burger อิ่มอร่อย และก็ไป Central World น้องก้อยอยากดู Under World แต่เราอยากดู Inkheart ก็เลยต้องดูว่ามีรอบอะไรบ้าง ปรากฎว่าดู Inkheart จะดีกว่า จะได้กลับบ้านไม่ดึก ดูรอบ 21.00 น.

สำหรับเรา Inkheart เป็นหนังที่น่าเบื่อมาก ขนาดทำให้เราหลับไปเลย เนื้อเรื่องไม่ดี ไม่สนุก ดูแล้วคิดว่าเมื่อไหร่หนังจะจบ อยากกลับบ้าน แต่เว็บไซต์ของหนังเรื่องนี้เริ่ดมาก

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.