Tag Archive: A Book


A book fair

ไปงาน A Book Fair กับน้องก้อยมาที่ Esplanade ได้หนังสือใหม่มา 3 เล่ม เราไปเพื่อไปซื้อ “การลาออกครั้งสุดท้าย” ของใบพัดเลยนะเนี่ย แต่วันที่ไป ใบพัดไม่ได้มา แต่มาพรุ่งนี้ (แป่ว) อีก 2 เล่มที่ได้มา ซื้อเพราะราคาบอกว่า ลดเหลือเล่มละ 10 บาท โอ้ววว หยิบแทบไม่ทัน

เวลาจะอ่านหนังสือก็ไม่มี เพราะขนาดนิตยสารที่ซื้อๆ มา ก็ยังไม่มีเวลาอ่านเลย แต่ก็ซื้อมาเก็บไว้ก่อนเนอะ

โตเกียวไม่มีขา

โตเกียวไม่มีขา

อ่านโตเกียวไม่มีขา ของนิ้วกลม แล้วชอบจัง อยากไปญี่ปุ่นอีก ตั้งแต่โดน lay off แล้วอ่านหนังสือมา เริ่มที่ ฟินแลนด์ไม่มีแขน, เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน, เนปาลประมาณสะดือ จนมาถึง โตเกียวไม่มีขา ทำให้เราชอบใบพัด และก็นิ้วกลม มากๆ ชอบความคิดที่สื่อออกมา ให้คนได้รับรู้

อ่านโตเกียวไม่มีขา แล้วก็อิจฉา ที่เค้าได้สัมผัสโตเกียวในแบบที่เราไม่เคย นิ้วกลมนอนข้างถนน นอนหน้าตึก บางทีการที่เราเป็นผู้หญิง มันก็ทำให้เรามีข้อจำกัด ในเรื่องของความปลอดภัย อยากจะไปไหนทำอะไร ต้องระมัดระวังอันตราย แต่ผู้ชายไม่ต้องคิดมาก

ตอนเป็นแอร์ฯ เราอยู่ญี่ปุ่นมากกว่าอยู่กรุงเทพฯ เสียอีก แต่เราไม่เคยสนุก อิ่มเอม บันเทิง มีความสุขเวลาอยู่ญี่ปุ่นเลย ทั้งๆ ที่เราชอบญี่ปุ่นมากๆ ไม่ว่าจะการ์ตูน ของจุ๊กจิ๊ก การดีไซน์แพ็คเกจต่างๆ นิ้วกลมได้เขียนไว้ในหนังสือ เนปาลประมาณสะดือ (หน้า 335) ว่า …

“จะมีประโยชน์อะไร หากเราได้ขึ้นไปถึงจุดหมาย แต่ไม่มีใครให้โอบกอด”

ถ้าญี่ปุ่นเป็นจุดหมาย มันก็คงไม่มีประโยชน์จริงๆ ถ้าเราไม่ได้ไปกับคนที่เรารัก ญี่ปุ่นก็กลายเป็นที่สำหรับคนเหงาๆ เดินเล่นไปวันๆ ได้

เราอยากไปญี่ปุ่นอีกครั้ง และเราก็อยากไปกับคนที่เรารัก และเค้าก็รักเรา

All Alone on Monday

ไปส่งน้องก้อยที่ตึกเรียน น้องก้อยเปิดเทอมวันแรกแล้ว ไปรอน้องก้อยที่หอสมุด อ่านหนังสือ เนปาลประมาณสะดือ จนจบไปเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่ได้อยากไปเที่ยวเนปาล แต่ได้แรงบันดาลใจในการทำอะไรที่เป็นความฝันให้สำเร็จ

ชอบที่นิ้วกลมเขียนว่า “สูง – ย่อมมีสูงกว่าเสมอ และจะสูงกว่ากว่ากว่ากว่ากว่าต่อไปไม่รู้จบ ผู้ที่ต้องการอยู่สูงสุดนอกจากจะเหนื่อยแล้ว ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดอีกด้วย”

ตอนเที่ยงไปกินข้าวกับน้องก้อย และเพื่อนน้องก้อยอีกโขยง อัดแน่นมาในรถเล็กๆ ของเรา เรากินคะน้าหมูกรอบไข่เจียว แต่มันไม่อร่อย เหมือนข้าวผัดเบคอนของน้องก้อยเลยอ่ะ

จากนั้นเราก็ขับรถไปสัมภาษณ์งานแถวๆ เมืองทองธานี ขับเลยตึกไป เลยเอารถไปจอดที่ The Avenue แล้วนั่ง Taxi มาแทน เพราะเดี๋ยวจะช้ากว่าเวลานัด ถ้าต้องมารอกลับรถ

เราไปยืนรอพี่เค้าลงมารับ ก็มองๆ ว่ารอที่หน้าร้านไหนดี เหลือบไปเห็นร้าน Delifrance ก็เลยไปยืนตรงนั้น คือ ตอนนั่ง Taxi มา เราก็มองที่ใส่เอกสารเรา มันเป็นคำว่า Un Deux Troi (คือ 1 2 3 ในภาษาฝรั่งเศส) เราก็ครุ่นคิดว่า เราเรียนภาษาฝรั่งเศสตอน ม. ปลาย เราก็ยังจำคำบางคำได้ดี ไม่ลืม เป็นเรื่องที่ดีนะเนี่ย แล้วพอเดินมารอที่ร้าน Delifrance ก็คิดว่า ภาษาฝรั่งเศส นี่ก็อยู่ในชีวิตประจำวันจริงๆ อ่านป้ายชื่อร้านแล้วก็คิดว่า คนที่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสคงอาจจะเคยอ่าน ร้านนี้ว่า เดลี่ฟรานซ์ แทนที่จะอ่าน เดลี่ฟรองซ์ บ้างหรือเปล่านะ ช่างไม่เท่เอาเสียเลย

และแล้วพอตอนโทรไปหาพี่เค้าว่ามาถึงแล้ว เราก็พูดว่า “ตอนนี้ส้มรออยู่หน้าร้าน เดลี่ฟรานซ์ นะคะ” … แป่ว …

การสัมภาษณ์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พี่ทั้งสองน่ารักมาก จากนั้นเราก็เดินไปกรอกใบสมัครที่แผนก HR อีกตึกหนึ่ง แล้วก็นั่งรถ Taxi กลับมา The Avenue ไม่รู้จะทำอะไรดี ต้องรอน้องก้อยสอนท่าเต้นให้น้องๆ จน 21.00 น.

เลยไปดูหนังเรื่อง Max Payne ซึ่งมันเป็นเกมส์มาก่อนที่จะเอามาทำเป็นหนัง จริงๆ ไม่ได้อยากดู แต่มันไม่มีหนังเรื่องไหน จะเหมาะกับเวลา แถมบัตรก็ถูก 100 บาทเอง

เป็นการดูหนังคนเดียวครั้งแรก และในโรงหนังก็มีคนแค่ 4 คนเท่านั้น นั่งแถว D กันหมด ยกเว้นฝรั่งคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างหน้า พอต้องยืนตรงระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมี ฝรั่งมันก็นั่งเฉย ไม่ยืน สายตาคน 3 คน ก็มองไปที่มัน มันก็นั่งกระดิกเท้า และกินโค้กบ่อยมาก ไม่ธรรมชาติ ดูแปลกๆ คงรู้ว่าตัวเองทำอะไรที่มัน… ไม่น่ารัก

จริงๆ ถ้าเราไม่รู้วัฒนธรรม ความเป็นมา ของชาตินั้นอย่างแท้จริง เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูก และทำตามความคิดของเรา โดยไม่สนใจคนส่วนใหญ่ เราเป็นคนต่างถิ่น ก็ควรให้ความเคารพสิ่งที่คนในชาตินั้นเค้าเคารพกัน มันไม่ดีกว่าเหรอ มันดีกว่ามาทำตัวแบบนี้ เหมือนไม่ให้เกียรติประเทศที่มาอาศัยกันเลย

หนังเรื่องนี้ก็ไม่สนุกอีกต่างหาก เซ็งเป็ด ดูหนังเสร็จตอน 18.40 น. ก็ค่อยๆ ขับรถไปธรรมศาสตร์ ไม่ลืมซื้อโกโก้จากร้านดอยตุง ตรงปั๊ม JET (ปัจจุบันกลายเป็น ปตท) ไปฝากน้องก้อย

เดินไปในร้านบอกว่า “ช็อคโกแลตเย็นแก้วนึงค่ะ” คนขายมองหน้าเราเหมือนเราไปสั่งพิซซ่าถาดนึง เธอบอกเราว่า “ช็อคโกแลตไม่มี มีแต่โกโก้”

… อ่อ ค่ะๆ … กลัวแล้น

ได้อารมณ์เหมือนไปร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วสั่ง “โค้ก 2 ขวด”

คนขายจะบอก “ไม่มี! มีแต่เป๊ปซี่”

คนญี่ปุ่น (อาจจะประเทศอื่นด้วย เช่น เยอรมัน) จะเรียกเครื่องดื่มจำพวก โค้ก และเป๊ปซี่ ว่า “โคล่า Cola” เพราะว่ามันเป็นน้ำรส โคล่า จะต่างก็แค่ว่ายี่ห้อไหน Coca-Cola หรือ ว่า Pepsi หรือ ฯลฯ

ชื่อเดิมของ Pepsi ตะก่อนเค้าก็เรียก Pepsi-Cola (อันนี้พ่อบอก)

เหมือนกิน จอลลี่แบร์ โคล่า ก็คือรสโคล่า

เคยได้ยินฝรั่งตอบคำถามพนักงานที่ถามว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไรว่า “Cola, please”
พนักงานตอบว่า “No Cola, Coke ได้เปล่า” ด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น ทว่าสื่อสารเข้าใจ แต่ฝรั่งคงแปลกใจ เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตามน๊า เพราะวัฒนธรรมการดำรงชีวิต แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

เฮ้อ อยู่คนเดียวเหงาจัง!

วันก่อนได้เขียนเมล์ไปหา “ใบพัด” นักเขียนเรื่อง “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” และ “ฟินแลนด์ไม่มีแขน” ที่เราอ่านจบไปแล้ว ในหนังสือจะมีเมล์ของใบพัด baipad2001@hotmail.com เราก็เลยอยากเขียนไปชื่นชมว่า เราชอบหนังสือของเขามาก ไม่คิดว่าเขาจะตอบมา ดีใจ อิอิ

RE: หวัดดีใบพัด‏
From:  Baipad Manager (baipad2001@hotmail.com)
Sent:  Thu 10/30/08 6:02 AM

สวัสดีคนหัวอกเดียวกัน 🙂

อ่านจดหมายคุณด้วยความตื่นเต้น ดีใจ
และต่อด้วยการตามไปเยี่ยมบ้านคุณในบล็อก
ก่อนจะจบลงด้วยความสุข กับความรู้สึกว่า
แรงบันดาลใจนี่มันส่งต่อถึงกันได้จริงๆ
ผมเดินทางแล้วได้รับสิ่งดีๆ ที่การเดินทางมอบให้
จากนั้นเอามาเขียนถ่ายทอดเองในห้องเหลี่ยมๆ เงียบๆ ก่อนจะมีสนพ.ให้โอกาสเอาไปตีพิมพ์
แล้ววันนี้ก็มีจดหมายฉบับสำคัญที่ส่งกลับมาทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำไปมีอะไรอยู่เหมือนกันแฮะ 🙂
ดีใจครับ แล้วสิ่งที่คุณส่งมาก็เป็นกำลังใจดีๆ ที่มีค่ามากจริงๆ ในเวลานี้ (กำลังลุยทำงานเล่มใหม่อยู่)
ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ค่อยรู้เลยโลกภายนอกเป็นยังไงบ้าง
ยินดีนะที่ได้รู้จักเด็กติ๋มอีกคนที่อยู่โลกภายนอก

นัดกับนิ้วกลม(โตเกียวไม่มีขา)แล้วแหละว่า ถ้ามีประเทศไหนอวัยวะหายไปอีก จะไปลุยด้วยกัน 🙂

สุขง่ายๆ ทุกข์น้อยๆ
เราเอง
ติ๋มในกะลา

นี่บ้านเรา
http://baipadPhanumas.hi5.com

———————————

เราจำได้ว่าตอนเด็กๆ เราชอบอ่านหนังสือเรื่อง “ห้าสหายผจญภัย” The Famous Five ที่เขียนโดย Enid Blyton มากๆ มีทุกเล่มเลย ประมาณ 21 เล่ม แล้วเราก็เลยเขียนจดหมายไปหาผู้แปลหนังสือเรื่องนี้ คุณกัณหา แก้วไทย วาดรูปอะไรเยอะแยะเลย ในจดหมาย

แล้วคุณกัณหาก็ตอบมา บอกว่าเราวาดรูปเก่งจัง น่าจะเรียนด้านสถาปัตย์ตอนโต ให้ตั้งใจเรียน

เราน่าจะตั้งใจเรียนนะเนี่ย เด็กๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย ไม่น่าโตมาแล้วเกเรเลย

Valuable

วันนี้อยู่บ้านทั้งวันเลย อ่านหนังสือ “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” จนจบเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่อยากไปอินเดียเลย อิอิ ชอบข้อคิดในเรื่อง ที่หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ชื่อ “ทูยย์” ได้บอกกับผู้เขียนว่า

ทุกคนน่ะ มีคุณค่านะ ถ้าไม่ค่อยมีคนเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่อาจจะถูกเก็บไว้ รอคนตาดีๆ มาเห็น…เหมือนแฟนเธอไง

ถ้าเราไม่ได้เป็นคนสำคัญมากของใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไร้ค่า เราคงไม่สามารถเป็นคนมีค่าสำหรับคนทุกคนได้ คนที่นั่งคร่ำครวญว่าตัวเองไร้ค่า ก็อาจจะกลายเป็นคนไร้ค่าไปเสียจริงๆ

อ่านหนังสือของใบพัดทีไร ก็รู้สึกดีทุกที วันนี้กดสมัครงานไปหลายที่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ช่วงนี้งานก็หายากเหลือเกิน

คิดถึงน้องก้อยจังเลย ตอนนี้ทำอะไรอยู่นะหมีน้อย

อิฐ เขียนโดย นิ้วกลม

อิฐ เขียนโดย นิ้วกลม

วันก่อนตอนรอน้องก้อยไปสอนหนังสือ เราก็ไปเดินเล่นดูหนังสือที่ร้านซีเอ็ด ในเซ็นทรัลสีลม คอมเพล็กซ์ เดินดูหนังสืออยู่นานมากๆ เพราะไม่เคยใช้เวลาในร้านหนังสือแบบนี้ เป็นเวลาหลายปีมากแล้ว เพราะเวลาที่ว่าง ก็มักจะต้องทำงาน Freelance ตลอด (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นงานที่ต้องทำตอนว่าง มันก็เลยไม่เคยมีเวลาว่างทำอย่างอื่น)

อยากได้หนังสืออยู่หลายเล่มมาก แต่ก็คิดๆ ไปว่า จะมีเวลาได้อ่านแค่ไหน ขนาดนิตยสารที่ซื้อมาก็ยังไม่มีเวลาอ่านเลย สรุปใช้เวลาอยู่ซีเอ็ดนานมาก แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย พอถึงเวลาก็เดินไปรับน้องก้อย แล้วก็ไปกินข้าวกัน

จนเมื่อวานก็มีเหตุให้มี “เวลาว่าง” อีก คือการรอน้องก้อยไปสอบ เรารออยู่ที่เอ็มโพเรี่ยม (เลิกเรียนภาษาญี่ปุ่นมา) ส่วนน้องก้อยจะมาหาเราจาก ธรรมศาสตร์ รังสิต รอน้องก้อยตั้งแต่เที่ยง จนบ่ายสอง

เราไปดูหนังสือที่ร้านนายอินทร์ คราวนี้เราตัดสินใจแล้ว ว่าเราจะใช้ “เวลาว่าง” อ่านหนังสือ เราจะไม่ทำอย่างอื่น เราจะอ่านหนังสือ!

หนังสือที่เราซื้อมาคือ “อิฐ” ของนิ้วกลม ตัดสินใจอยู่นานว่า จะซื้อเล่มไหนมาอ่านก่อน ระหว่าง “นั่งรถไฟไปตู้เย็น” หรือ “ณ” ดี สรุปไม่ใช่ทั้งสองเล่ม ไปซื้อเรื่อง “อิฐ” แทน

เมื่อวานตอนรอ อ้อ กับทิน่า ก็หยิบมาอ่านผ่านๆ พลิกไป พลิกมา อยากอ่าน

วันนี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสืออีก เพราะเรามีเวลาว่างอีกแล้ว นั่นคือการรอน้องก้อยไปงานสิงห์แดง สิงห์ดำ เราก็หามุมสงบ มาอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างตั้งใจ

อ่านแล้วชอบ ชอบความคิดคนเขียน รู้สึกเหมือนเค้าจะคิดเหมือนเราหลายอย่าง เพียงแต่เราไม่สามารถเอาสิ่งที่เราคิด มาเขียนได้น่าอ่านแบบนี้เลย ของเรามันเป็นแค่เราคิด แล้วเราก็ปล่อยให้ผ่านไป

เราเพิ่งนึกถึงการเล่น “เลโก้” ในตอนเด็ก เพราเขียน journal เรื่องพี่ชายในวันเกิด พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็บังเอิญที่ว่า “อิฐ” ในความหมายของชื่อ คือ อิฐเลโก้ น่ะเอง

ยังอ่านไม่จบเลย สงสัยต้องไปรอน้องก้อยทำอะไรอีกดีกว่า เพราะการรอน้องก้อยก็ไม่น่าเบื่อแล้ว เราจะอ่านหนังสือ ไม่ใช่ทำงาน Freelance!

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.