Category: Books


Nouveau Modèle

FUMi Japanese Cuisine by SUMO

ตื่นเช้ามา ก็อ่านเรื่อง “เนปาลประมาณสะดือ” ต่อจากเมื่อคืน อ่านแล้วก็มีความรู้สึกว่าการเดินทางของนิ้วกลม กับใบพัด ต่างกันตรงที่ นิ้วกลมเดินทางแบบหนุ่มมั่น แต่ใบพัดเดินทางแบบหนุ่มติ๋ม ซึ่งก็สนุกเหมือนกัน อยากจะออกไปเดินทางบ้างจัง ตอนนี้อยากไปญี่ปุ่นกับน้องก้อย คงจะสนุกน่าดู

ออกไปรับน้องก้อยที่บ้านตอนบ่ายสอง แล้วก็ไปแวะ Silom Complex เพื่อเอาหนังสือที่จองไว้ เรื่อง “โตเกียวไม่มีขา” ของนิ้วกลม แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าไปสยาม พาน้องก้อยไปตัดผมข้างหน้า พี่รัตน์ใจดี นอกจากจะตัดผมข้างหน้าให้น้องก้อยแล้วยังตัดจอน ที่ยาวแล้วของเราให้ด้วย เลยเดินไปร้าน Kanom กับน้องก้อย ไปซื้อขนมไข่มาให้พี่รัตน์กับพนักงานในร้าน

จากนั้นก็เดินไป Paragon ไปซื้อข้าวเย็นมากินที่บ้าน แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะกินไรดี จนเราต้องเสนอว่ากินอาหารญี่ปุ่นกันไหม ตกลงกันได้ที่ร้าน FUMi Japanese Cuisine by SUMO กินเป็น Pork Steak Set กันสองคน แล้วก็ไปซื้อข้าวห่อสาหร่ายไส้กุ้งเทมปุระ ของโปรดของเราที่ร้าน Nippon KAI

แล้วก็ขับรถกลับบ้านกัน ดีใจจังเลย น้องก้อยเปิดเทอมแล้ว พรุ่งนี้เรามีสัมภาษณ์งานด้วย สู้ๆ

ไข่เจียว

ไข่เจียว

ไปเรียนภาษาญี่ปุ่น วันนี้เรียนเรื่องคำช่วย に (ni) อาจารย์ให้ยกตัวอย่างประโยค เราเลยบอกว่า たんし゛ょうひ゛に こいひ゛とに くつをもらいました。แปลว่า ในวันเกิดเราได้รับรองเท้าเป็นของขวัญวันเกิดจากแฟน 🙂

พอพักก็ลงไปกินข้าวเช้ากับน้องก้อย น้องก้อยกินไข่ดาวแฮมขนมปัง (ชุดอาหารเช้า) เหมือนเดิม แต่เราขอเปลี่ยนเป็นข้าวไข่เจียว เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่ทำไข่ดาวแฮม ให้เรากินทุกวันเลย หน้ากลมเหมือนไข่แล้ว

เรียนเสร็จแล้วเราก็ไปเดินเล่นกันที่ Paragon น้องก้อยไปหาซื้อ CD ost. Step Up 1แต่ไม่มีเลย เราเดินไปดูหนังสือที่ SE-ED ซื้อหนังสือ “เนปาลประมาณสะดือ” ของนิ้วกลม มาอ่าน

ยังไม่ได้อ่านเลย มัวแต่เล่นเกม Raycity Online

วันก่อนได้เขียนเมล์ไปหา “ใบพัด” นักเขียนเรื่อง “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” และ “ฟินแลนด์ไม่มีแขน” ที่เราอ่านจบไปแล้ว ในหนังสือจะมีเมล์ของใบพัด baipad2001@hotmail.com เราก็เลยอยากเขียนไปชื่นชมว่า เราชอบหนังสือของเขามาก ไม่คิดว่าเขาจะตอบมา ดีใจ อิอิ

RE: หวัดดีใบพัด‏
From:  Baipad Manager (baipad2001@hotmail.com)
Sent:  Thu 10/30/08 6:02 AM

สวัสดีคนหัวอกเดียวกัน 🙂

อ่านจดหมายคุณด้วยความตื่นเต้น ดีใจ
และต่อด้วยการตามไปเยี่ยมบ้านคุณในบล็อก
ก่อนจะจบลงด้วยความสุข กับความรู้สึกว่า
แรงบันดาลใจนี่มันส่งต่อถึงกันได้จริงๆ
ผมเดินทางแล้วได้รับสิ่งดีๆ ที่การเดินทางมอบให้
จากนั้นเอามาเขียนถ่ายทอดเองในห้องเหลี่ยมๆ เงียบๆ ก่อนจะมีสนพ.ให้โอกาสเอาไปตีพิมพ์
แล้ววันนี้ก็มีจดหมายฉบับสำคัญที่ส่งกลับมาทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำไปมีอะไรอยู่เหมือนกันแฮะ 🙂
ดีใจครับ แล้วสิ่งที่คุณส่งมาก็เป็นกำลังใจดีๆ ที่มีค่ามากจริงๆ ในเวลานี้ (กำลังลุยทำงานเล่มใหม่อยู่)
ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ค่อยรู้เลยโลกภายนอกเป็นยังไงบ้าง
ยินดีนะที่ได้รู้จักเด็กติ๋มอีกคนที่อยู่โลกภายนอก

นัดกับนิ้วกลม(โตเกียวไม่มีขา)แล้วแหละว่า ถ้ามีประเทศไหนอวัยวะหายไปอีก จะไปลุยด้วยกัน 🙂

สุขง่ายๆ ทุกข์น้อยๆ
เราเอง
ติ๋มในกะลา

นี่บ้านเรา
http://baipadPhanumas.hi5.com

———————————

เราจำได้ว่าตอนเด็กๆ เราชอบอ่านหนังสือเรื่อง “ห้าสหายผจญภัย” The Famous Five ที่เขียนโดย Enid Blyton มากๆ มีทุกเล่มเลย ประมาณ 21 เล่ม แล้วเราก็เลยเขียนจดหมายไปหาผู้แปลหนังสือเรื่องนี้ คุณกัณหา แก้วไทย วาดรูปอะไรเยอะแยะเลย ในจดหมาย

แล้วคุณกัณหาก็ตอบมา บอกว่าเราวาดรูปเก่งจัง น่าจะเรียนด้านสถาปัตย์ตอนโต ให้ตั้งใจเรียน

เราน่าจะตั้งใจเรียนนะเนี่ย เด็กๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย ไม่น่าโตมาแล้วเกเรเลย

Valuable

วันนี้อยู่บ้านทั้งวันเลย อ่านหนังสือ “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” จนจบเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่อยากไปอินเดียเลย อิอิ ชอบข้อคิดในเรื่อง ที่หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ชื่อ “ทูยย์” ได้บอกกับผู้เขียนว่า

ทุกคนน่ะ มีคุณค่านะ ถ้าไม่ค่อยมีคนเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่อาจจะถูกเก็บไว้ รอคนตาดีๆ มาเห็น…เหมือนแฟนเธอไง

ถ้าเราไม่ได้เป็นคนสำคัญมากของใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไร้ค่า เราคงไม่สามารถเป็นคนมีค่าสำหรับคนทุกคนได้ คนที่นั่งคร่ำครวญว่าตัวเองไร้ค่า ก็อาจจะกลายเป็นคนไร้ค่าไปเสียจริงๆ

อ่านหนังสือของใบพัดทีไร ก็รู้สึกดีทุกที วันนี้กดสมัครงานไปหลายที่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ช่วงนี้งานก็หายากเหลือเกิน

คิดถึงน้องก้อยจังเลย ตอนนี้ทำอะไรอยู่นะหมีน้อย

Department of Employment

เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน

ไปขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 9 ตรงถนนนวมินทร์ ถ้าจำไม่ผิดเรามาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว เหมือนจะเป็นเดจาวูเลย ทำไมเราต้องไม่มีงานทำ ในทุกช่วงเวลานี้ของปีด้วยน๊า ก่อนไปก็เตรียมเอกสารให้ครบ มีสำเนาบัตรประชาชน และก็สำเนาหน้าแรกบุ๊คแบงค์ ระหว่างไม่มีงานทำเค้าจะให้เงิน 30% ของเงินเดือน เป็นจำนวน 90 วัน

เมื่อคืนนอนอ่านหนังสือ ฟินแลนด์ไม่มีแขน จนจบ ชอบมากเลย ชอบสิ่งที่ “พี่นก” ได้สอนผู้เขียน “ใบพัด” ว่า

อย่านึกว่าทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแล้วโลกทั้งโลกจะเอ็นดูทะนุถนอม หรือเที่ยวไปโอดครวญชีวิตลำเค็ญของตัวเองให้ใครฟัง แล้วนึกว่าเขาจะสงสารเรา มันไม่จริงหรอก ไม่เลย ไม่มีใครเขาสนใจปัญหาของเราอย่างแท้จริง เรื่องทุกข์ใจของเรา เป็นแค่เรื่องที่ทำให้คนอื่นสบายใจ ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา

ตอนอ่านเรื่องนี้ รู้สึกว่าผู้เขียนเหมือนเราเมื่อปีที่แล้ว กับปีนี้รวมๆ กันไงไม่รู้ เหมือนในแง่ที่ว่าตกงานเหมือนกัน เบื่อเป็นคนทำงานออฟฟิศ และโชคดีได้ไปต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียเงิน (เมื่อปีที่แล้วเราตกงาน แล้วก็ได้ไปสิงค์โปร์กับ Nokia ฟรีๆ)

ในหนังสือบอกว่าให้มองข้อดีของการตกงาน ว่าไม่ต้องเจอรถติดทุกวัน  ดูหนังที่อยากดู มีเวลาอ่านหนังสือ อยู่บ้าน ทำอะไรที่อยากทำ ก็จริงนะ ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ระหว่างที่หางานทำ เราก็นอนอ่านหนังสือ อยู่บ้านกับพ่อแม่ พี่นุ๊กพี่โอ๋ และน้องก้อย ดีกว่ามานั่งเครียด

วันนี้หลังจากไปสำนักจัดหางาน ก็ไปหาน้องก้อยที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ระหว่างรอน้องก้อยมา ก็ดูหนังสือที่แพร่พิทยาไปเรื่อยๆ ซื้อหนังสือ “คันจิไม่ยาก” มา ไว้หัดเขียน และจำ พอน้องก้อยมาก็ไปกิน Sukishi กัน และก็ไป C-plus ซื้อเกม RayCity Online มาเล่น

แล้วก็ไป Paragon น้องก้อยไปดูที่เรียนเต้น ไปดูที่ Bangkok Dance แต่เราว่าเราชอบที่สยามฯ มากกว่า นอกจากนั้นเราก็ถือโอกาสไปถามโรงเรียนสมุดไท ว่าเค้ารับครูสอนศิลปะไหม เค้าบอกว่ารับ ก็เลยคิดว่าไว้โอกาสหน้าจะเอาเอกสารมาสมัครงานที่นี่ด้วย

จากนั้นก็เดินไปซื้อหนังสือ “เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน” ของใบพัด (คนเขียนเดียวกับ ฟินแลนด์ไม่มีแขน) ที่ร้าน SE-ED

พรุ่งนี้จะอ่านหนังสือทั้งวันเลย

Time To Read

ฟินแลนด์ไม่มีแขน

เมื่อวานไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่งบนถนนพระราม 9 ไปถึงก่อนเวลาเกือบ 15 นาที แต่กว่าจะได้เข้าไปสัมภาษณ์ก็นั่งรอจนเกินเวลานัดไปเกือบ 15 นาที เช่นกัน บริษัทนี้เน้น design ในการทำเว็บๆ หนึ่งขึ้นมา เรียกว่า design มาก่อน function (แตกต่างจากบริษัทที่เพิ่งทำมาจริงๆ อันนั้น function ต้องมาก่อน design และ design ก็เอาไว้หลังๆ ซะด้วย)

คำถามยอดฮิต คือ คุณทำอะไรยามว่าง ในใจก็นึกว่าจะตอบอะไรดี เราควรจะตอบอะไรให้ตัวเองดูดีไหม เช่น หัดเขียน CSS ศึกษาเรื่อง AJAX อ่านหนังสือ web 2.0 design

แต่ก็ไม่เอาดีกว่า ก็เลยตอบไปว่าเล่นเกมส์ และก็ไม่เคยทำอะไรมีสาระเลยในเวลาว่าง เพราะทำงานก็เหนื่อยแล้ว ยามว่างอยากทำอะไรสบายๆ

จากนั้นก็ไปหาน้องก้อยที่ Silom Complex ไปกินข้าว เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ไปกินกันที่ Little Home กินข้าวเสร็จแล้ว ก็แน่นอน ต้องกิน Pancake แสนอร่อย

และก็ไป SE-ED จะไปซื้อหนังสือ “โตเกียวไม่มีขา” ของนิ้วกลม แต่ว่าหมดแล้ว เลยซื้อ “ฟินแลนด์ไม่มีแขน” ของใบพัด มาแทน (ต่อไปจะเป็นประเทศอะไรที่ไม่มีหัวอีกเนี่ย) น้องก้อยถามว่าเมื่อไหร่จะเอาหนังสือ Harry Potter ภาคที่ยังไม่ได้อ่าน มาอ่านซักที เราก็บอกว่ายังไม่มีอารมณ์อ่านเลย

ขณะที่ยืนดูหนังสืออยู่ก็เห็นหนังสือ “Only Love Is Real” ของ Brian L. Weiss, M.D. ชื่อไทยคือ “เราจะข้ามเวลามาพบกัน” พิมพ์ใหม่ มี CD เพลงด้วย เลยบอกน้องก้อยว่าเล่มนี้ดีมากเลย อยากให้น้องก้อยอ่าน พี่จะซื้อให้นะ น้องก้อยก็ถามว่าหนังสืออะไรเหรอ ก็เลยบอกว่าลองอ่านดูนะ พี่ชอบ แต่ไม่รู้น้องก้อยจะชอบไหม

จากนั้นก็ไปส่งน้องก้อยที่บ้าน ระหว่างทางจะกลับบ้านเรา รถติดมากเลยเพราะฝนตก เลยเอาหนังสือฟินแลนด์ไม่มีแขนมาอ่าน สนุกดี

ตอนกลางคืนไม่รู้เป็นไร ปวดหัวมาก จนนอนไม่ได้ ทรมานมากๆ และก็อ๊วกไปสามหน จนเหนื่อยหลับไป ตอนเช้าเล่าให้แม่ฟัง แม่คิดว่าเราเครียด ดูเหมือนจะไม่เครียด แต่เราคงเครียดมากๆ แม่เลยให้หาอะไรทำ อย่าไปคิดมาก

อิฐ เขียนโดย นิ้วกลม

อิฐ เขียนโดย นิ้วกลม

วันก่อนตอนรอน้องก้อยไปสอนหนังสือ เราก็ไปเดินเล่นดูหนังสือที่ร้านซีเอ็ด ในเซ็นทรัลสีลม คอมเพล็กซ์ เดินดูหนังสืออยู่นานมากๆ เพราะไม่เคยใช้เวลาในร้านหนังสือแบบนี้ เป็นเวลาหลายปีมากแล้ว เพราะเวลาที่ว่าง ก็มักจะต้องทำงาน Freelance ตลอด (ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นงานที่ต้องทำตอนว่าง มันก็เลยไม่เคยมีเวลาว่างทำอย่างอื่น)

อยากได้หนังสืออยู่หลายเล่มมาก แต่ก็คิดๆ ไปว่า จะมีเวลาได้อ่านแค่ไหน ขนาดนิตยสารที่ซื้อมาก็ยังไม่มีเวลาอ่านเลย สรุปใช้เวลาอยู่ซีเอ็ดนานมาก แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเลย พอถึงเวลาก็เดินไปรับน้องก้อย แล้วก็ไปกินข้าวกัน

จนเมื่อวานก็มีเหตุให้มี “เวลาว่าง” อีก คือการรอน้องก้อยไปสอบ เรารออยู่ที่เอ็มโพเรี่ยม (เลิกเรียนภาษาญี่ปุ่นมา) ส่วนน้องก้อยจะมาหาเราจาก ธรรมศาสตร์ รังสิต รอน้องก้อยตั้งแต่เที่ยง จนบ่ายสอง

เราไปดูหนังสือที่ร้านนายอินทร์ คราวนี้เราตัดสินใจแล้ว ว่าเราจะใช้ “เวลาว่าง” อ่านหนังสือ เราจะไม่ทำอย่างอื่น เราจะอ่านหนังสือ!

หนังสือที่เราซื้อมาคือ “อิฐ” ของนิ้วกลม ตัดสินใจอยู่นานว่า จะซื้อเล่มไหนมาอ่านก่อน ระหว่าง “นั่งรถไฟไปตู้เย็น” หรือ “ณ” ดี สรุปไม่ใช่ทั้งสองเล่ม ไปซื้อเรื่อง “อิฐ” แทน

เมื่อวานตอนรอ อ้อ กับทิน่า ก็หยิบมาอ่านผ่านๆ พลิกไป พลิกมา อยากอ่าน

วันนี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสืออีก เพราะเรามีเวลาว่างอีกแล้ว นั่นคือการรอน้องก้อยไปงานสิงห์แดง สิงห์ดำ เราก็หามุมสงบ มาอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างตั้งใจ

อ่านแล้วชอบ ชอบความคิดคนเขียน รู้สึกเหมือนเค้าจะคิดเหมือนเราหลายอย่าง เพียงแต่เราไม่สามารถเอาสิ่งที่เราคิด มาเขียนได้น่าอ่านแบบนี้เลย ของเรามันเป็นแค่เราคิด แล้วเราก็ปล่อยให้ผ่านไป

เราเพิ่งนึกถึงการเล่น “เลโก้” ในตอนเด็ก เพราเขียน journal เรื่องพี่ชายในวันเกิด พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็บังเอิญที่ว่า “อิฐ” ในความหมายของชื่อ คือ อิฐเลโก้ น่ะเอง

ยังอ่านไม่จบเลย สงสัยต้องไปรอน้องก้อยทำอะไรอีกดีกว่า เพราะการรอน้องก้อยก็ไม่น่าเบื่อแล้ว เราจะอ่านหนังสือ ไม่ใช่ทำงาน Freelance!

White, The Soi Dog

White

White

This is “White“. She’s a blind soi dog (stray). She’s blind because of leprosy. Whenever I meet her I will feed her with Pedigree, bone tasty (beef flavour) like in the picture. It’s a small thing I tried to do.

One of the lessons I learned from the book, Tuesdays With Morrie was “give to your community.” Morrie said “Once you learn how to die, you learn how to live“. It’s like when you know you’re going to die, and that you live a better life because of it. For me I realize how important of being volunteer and doing some charity fund. I even think of starting a charity fund (non profit) about helping stray dogs, street dogs, homeless dogs. I want every dog to be well raise and take care like Elf (my beagle dog) was. People in Thailand should care more about dogs.

On Christmas, Cee has sent me an ecard wrote that she donated to ‘Soi Dog Rescue‘, a non profit fund in Bangkok. I visit their website and found it interesting. I don’t need to build another fund coz there’re so many funds here. I just never noticed. I decided to start with money donation and being their volunteer. I can help with graphic thing and web design, if they want. I also found a blog about Bangkok Street Dogs. You can also save many dog’s lifes through Pantip Jutujak section. You can read a sad story about ‘Nual‘ there.

Anyway I bought lottery, if I won the big prize, I would start a charity fund named “White Elf Foundation“. Meanwhile I will just keep on donating and being volunteer.

Tuesdays With Morrie

Tuesdays With Morrie

Tuesdays With Morrie

One day on MRT, I saw an university student was reading a book. I looked at the cover, it showed “Tuesdays With Morrie“. I had no idea it is a bestseller book but the name seems very interesting. I noted down the name and intended to get it one day.

Unfortunately I totally forgot about it. Today I saw this book again at SE-ED bookstore unintentional so I quickly bounced to it. Finally this book is in my hands. There was Thai edition but I decided to buy original edition. Not that I’m “kra-dae” but I wanted to practice my reading skill. Tuesdays With Morrie is a bestselling non-fiction book by American writer Mitch Albom, published in 1997. An Old Man, A Young Man, and the Last Great Lesson. Mitch rediscovered Morrie in the last months of the older man’s life. Knowing he was dying, Morrie visited with Mitch in his study every Tuesday, just as they used to back in college. Their rekindled relationship turned into one final “class”: lessons in how to live.

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.