Latest Entries »

Barack Obama made history

Obama

Barack Obama ชนะขาดลอยในการเลือกตั้ง ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 และเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกาด้วย ท่านได้กล่าวเมื่อวานนี้ว่า “Change has come to America”

ดูการเมืองของต่างประเทศ ก็มามองการเมืองไทย เมื่อไหร่การเมืองเก่า น้ำเน่า คดโกง จะหมดไปจากประเทศไทยเสียที เมื่อไหร่เราจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ทำไมนักการเมืองหน้าเดิมๆ ที่ไม่เคยทำอะไรให้ชาติ จะวางมือ แล้วเลิกเห็นแก่เงิน ไปนอนอยู่บ้านซักที เชิญไปรอความตายกับเงินกองโตที่ได้จากการโกงมาตลอดชีวิต

อยากเห็นการเลือกตั้ง ที่ไม่ใช้เงินซื้อเสียง อยากเห็นคนไทยไปเลือกตั้ง เพราะมีความรู้ ความเข้าใจในการเมือง ไม่ได้ไปเพราะความจนที่บีบบังคับจนต้องยอมขายเสีียง

Obama อายุ 47 ปี คุณอภิสิทธิ์ อายุ 44 ปี เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ความคิดใหม่ๆ อยากให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ จัง

ไข่เค็ม

Salted Eggs

ไข่เค็ม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Salted Eggs เป็นของโปรดของเรา มาคิดๆ ดู เราชอบไข่ทุกชนิด เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ตุ๋น ไข่ลูกเขย ไข่พะโล้ ไข่ต้ม ไข่ปิ้ง ไข่ยัดไส้ แล้วก็ไข่อะไรอ่า ที่อยู่บนหมูสับก้อนๆ แล้วมีไข่เค็มอยู่ข้างบน อร่อยมากๆ เลย

ในเศรษฐกิจแบบนี้ สำหรับคนที่เพิ่งโดน lay off มาแบบเรา การกินข้าว กับไข่เค็ม ก็ประหยัดดีเหมือนกัน

ไข่เค็มนี้เป็นไข่เค็ม A1 ซื้อมาจาก 7 eleven ราคา 25 บาท 🙂

All Alone on Monday

ไปส่งน้องก้อยที่ตึกเรียน น้องก้อยเปิดเทอมวันแรกแล้ว ไปรอน้องก้อยที่หอสมุด อ่านหนังสือ เนปาลประมาณสะดือ จนจบไปเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่ได้อยากไปเที่ยวเนปาล แต่ได้แรงบันดาลใจในการทำอะไรที่เป็นความฝันให้สำเร็จ

ชอบที่นิ้วกลมเขียนว่า “สูง – ย่อมมีสูงกว่าเสมอ และจะสูงกว่ากว่ากว่ากว่ากว่าต่อไปไม่รู้จบ ผู้ที่ต้องการอยู่สูงสุดนอกจากจะเหนื่อยแล้ว ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดอีกด้วย”

ตอนเที่ยงไปกินข้าวกับน้องก้อย และเพื่อนน้องก้อยอีกโขยง อัดแน่นมาในรถเล็กๆ ของเรา เรากินคะน้าหมูกรอบไข่เจียว แต่มันไม่อร่อย เหมือนข้าวผัดเบคอนของน้องก้อยเลยอ่ะ

จากนั้นเราก็ขับรถไปสัมภาษณ์งานแถวๆ เมืองทองธานี ขับเลยตึกไป เลยเอารถไปจอดที่ The Avenue แล้วนั่ง Taxi มาแทน เพราะเดี๋ยวจะช้ากว่าเวลานัด ถ้าต้องมารอกลับรถ

เราไปยืนรอพี่เค้าลงมารับ ก็มองๆ ว่ารอที่หน้าร้านไหนดี เหลือบไปเห็นร้าน Delifrance ก็เลยไปยืนตรงนั้น คือ ตอนนั่ง Taxi มา เราก็มองที่ใส่เอกสารเรา มันเป็นคำว่า Un Deux Troi (คือ 1 2 3 ในภาษาฝรั่งเศส) เราก็ครุ่นคิดว่า เราเรียนภาษาฝรั่งเศสตอน ม. ปลาย เราก็ยังจำคำบางคำได้ดี ไม่ลืม เป็นเรื่องที่ดีนะเนี่ย แล้วพอเดินมารอที่ร้าน Delifrance ก็คิดว่า ภาษาฝรั่งเศส นี่ก็อยู่ในชีวิตประจำวันจริงๆ อ่านป้ายชื่อร้านแล้วก็คิดว่า คนที่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสคงอาจจะเคยอ่าน ร้านนี้ว่า เดลี่ฟรานซ์ แทนที่จะอ่าน เดลี่ฟรองซ์ บ้างหรือเปล่านะ ช่างไม่เท่เอาเสียเลย

และแล้วพอตอนโทรไปหาพี่เค้าว่ามาถึงแล้ว เราก็พูดว่า “ตอนนี้ส้มรออยู่หน้าร้าน เดลี่ฟรานซ์ นะคะ” … แป่ว …

การสัมภาษณ์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พี่ทั้งสองน่ารักมาก จากนั้นเราก็เดินไปกรอกใบสมัครที่แผนก HR อีกตึกหนึ่ง แล้วก็นั่งรถ Taxi กลับมา The Avenue ไม่รู้จะทำอะไรดี ต้องรอน้องก้อยสอนท่าเต้นให้น้องๆ จน 21.00 น.

เลยไปดูหนังเรื่อง Max Payne ซึ่งมันเป็นเกมส์มาก่อนที่จะเอามาทำเป็นหนัง จริงๆ ไม่ได้อยากดู แต่มันไม่มีหนังเรื่องไหน จะเหมาะกับเวลา แถมบัตรก็ถูก 100 บาทเอง

เป็นการดูหนังคนเดียวครั้งแรก และในโรงหนังก็มีคนแค่ 4 คนเท่านั้น นั่งแถว D กันหมด ยกเว้นฝรั่งคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างหน้า พอต้องยืนตรงระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมี ฝรั่งมันก็นั่งเฉย ไม่ยืน สายตาคน 3 คน ก็มองไปที่มัน มันก็นั่งกระดิกเท้า และกินโค้กบ่อยมาก ไม่ธรรมชาติ ดูแปลกๆ คงรู้ว่าตัวเองทำอะไรที่มัน… ไม่น่ารัก

จริงๆ ถ้าเราไม่รู้วัฒนธรรม ความเป็นมา ของชาตินั้นอย่างแท้จริง เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูก และทำตามความคิดของเรา โดยไม่สนใจคนส่วนใหญ่ เราเป็นคนต่างถิ่น ก็ควรให้ความเคารพสิ่งที่คนในชาตินั้นเค้าเคารพกัน มันไม่ดีกว่าเหรอ มันดีกว่ามาทำตัวแบบนี้ เหมือนไม่ให้เกียรติประเทศที่มาอาศัยกันเลย

หนังเรื่องนี้ก็ไม่สนุกอีกต่างหาก เซ็งเป็ด ดูหนังเสร็จตอน 18.40 น. ก็ค่อยๆ ขับรถไปธรรมศาสตร์ ไม่ลืมซื้อโกโก้จากร้านดอยตุง ตรงปั๊ม JET (ปัจจุบันกลายเป็น ปตท) ไปฝากน้องก้อย

เดินไปในร้านบอกว่า “ช็อคโกแลตเย็นแก้วนึงค่ะ” คนขายมองหน้าเราเหมือนเราไปสั่งพิซซ่าถาดนึง เธอบอกเราว่า “ช็อคโกแลตไม่มี มีแต่โกโก้”

… อ่อ ค่ะๆ … กลัวแล้น

ได้อารมณ์เหมือนไปร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วสั่ง “โค้ก 2 ขวด”

คนขายจะบอก “ไม่มี! มีแต่เป๊ปซี่”

คนญี่ปุ่น (อาจจะประเทศอื่นด้วย เช่น เยอรมัน) จะเรียกเครื่องดื่มจำพวก โค้ก และเป๊ปซี่ ว่า “โคล่า Cola” เพราะว่ามันเป็นน้ำรส โคล่า จะต่างก็แค่ว่ายี่ห้อไหน Coca-Cola หรือ ว่า Pepsi หรือ ฯลฯ

ชื่อเดิมของ Pepsi ตะก่อนเค้าก็เรียก Pepsi-Cola (อันนี้พ่อบอก)

เหมือนกิน จอลลี่แบร์ โคล่า ก็คือรสโคล่า

เคยได้ยินฝรั่งตอบคำถามพนักงานที่ถามว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไรว่า “Cola, please”
พนักงานตอบว่า “No Cola, Coke ได้เปล่า” ด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น ทว่าสื่อสารเข้าใจ แต่ฝรั่งคงแปลกใจ เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตามน๊า เพราะวัฒนธรรมการดำรงชีวิต แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

เฮ้อ อยู่คนเดียวเหงาจัง!

Nouveau Modèle

FUMi Japanese Cuisine by SUMO

ตื่นเช้ามา ก็อ่านเรื่อง “เนปาลประมาณสะดือ” ต่อจากเมื่อคืน อ่านแล้วก็มีความรู้สึกว่าการเดินทางของนิ้วกลม กับใบพัด ต่างกันตรงที่ นิ้วกลมเดินทางแบบหนุ่มมั่น แต่ใบพัดเดินทางแบบหนุ่มติ๋ม ซึ่งก็สนุกเหมือนกัน อยากจะออกไปเดินทางบ้างจัง ตอนนี้อยากไปญี่ปุ่นกับน้องก้อย คงจะสนุกน่าดู

ออกไปรับน้องก้อยที่บ้านตอนบ่ายสอง แล้วก็ไปแวะ Silom Complex เพื่อเอาหนังสือที่จองไว้ เรื่อง “โตเกียวไม่มีขา” ของนิ้วกลม แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าไปสยาม พาน้องก้อยไปตัดผมข้างหน้า พี่รัตน์ใจดี นอกจากจะตัดผมข้างหน้าให้น้องก้อยแล้วยังตัดจอน ที่ยาวแล้วของเราให้ด้วย เลยเดินไปร้าน Kanom กับน้องก้อย ไปซื้อขนมไข่มาให้พี่รัตน์กับพนักงานในร้าน

จากนั้นก็เดินไป Paragon ไปซื้อข้าวเย็นมากินที่บ้าน แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะกินไรดี จนเราต้องเสนอว่ากินอาหารญี่ปุ่นกันไหม ตกลงกันได้ที่ร้าน FUMi Japanese Cuisine by SUMO กินเป็น Pork Steak Set กันสองคน แล้วก็ไปซื้อข้าวห่อสาหร่ายไส้กุ้งเทมปุระ ของโปรดของเราที่ร้าน Nippon KAI

แล้วก็ขับรถกลับบ้านกัน ดีใจจังเลย น้องก้อยเปิดเทอมแล้ว พรุ่งนี้เรามีสัมภาษณ์งานด้วย สู้ๆ

ไข่เจียว

ไข่เจียว

ไปเรียนภาษาญี่ปุ่น วันนี้เรียนเรื่องคำช่วย に (ni) อาจารย์ให้ยกตัวอย่างประโยค เราเลยบอกว่า たんし゛ょうひ゛に こいひ゛とに くつをもらいました。แปลว่า ในวันเกิดเราได้รับรองเท้าเป็นของขวัญวันเกิดจากแฟน 🙂

พอพักก็ลงไปกินข้าวเช้ากับน้องก้อย น้องก้อยกินไข่ดาวแฮมขนมปัง (ชุดอาหารเช้า) เหมือนเดิม แต่เราขอเปลี่ยนเป็นข้าวไข่เจียว เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา แม่ทำไข่ดาวแฮม ให้เรากินทุกวันเลย หน้ากลมเหมือนไข่แล้ว

เรียนเสร็จแล้วเราก็ไปเดินเล่นกันที่ Paragon น้องก้อยไปหาซื้อ CD ost. Step Up 1แต่ไม่มีเลย เราเดินไปดูหนังสือที่ SE-ED ซื้อหนังสือ “เนปาลประมาณสะดือ” ของนิ้วกลม มาอ่าน

ยังไม่ได้อ่านเลย มัวแต่เล่นเกม Raycity Online

วันก่อนได้เขียนเมล์ไปหา “ใบพัด” นักเขียนเรื่อง “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” และ “ฟินแลนด์ไม่มีแขน” ที่เราอ่านจบไปแล้ว ในหนังสือจะมีเมล์ของใบพัด baipad2001@hotmail.com เราก็เลยอยากเขียนไปชื่นชมว่า เราชอบหนังสือของเขามาก ไม่คิดว่าเขาจะตอบมา ดีใจ อิอิ

RE: หวัดดีใบพัด‏
From:  Baipad Manager (baipad2001@hotmail.com)
Sent:  Thu 10/30/08 6:02 AM

สวัสดีคนหัวอกเดียวกัน 🙂

อ่านจดหมายคุณด้วยความตื่นเต้น ดีใจ
และต่อด้วยการตามไปเยี่ยมบ้านคุณในบล็อก
ก่อนจะจบลงด้วยความสุข กับความรู้สึกว่า
แรงบันดาลใจนี่มันส่งต่อถึงกันได้จริงๆ
ผมเดินทางแล้วได้รับสิ่งดีๆ ที่การเดินทางมอบให้
จากนั้นเอามาเขียนถ่ายทอดเองในห้องเหลี่ยมๆ เงียบๆ ก่อนจะมีสนพ.ให้โอกาสเอาไปตีพิมพ์
แล้ววันนี้ก็มีจดหมายฉบับสำคัญที่ส่งกลับมาทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำไปมีอะไรอยู่เหมือนกันแฮะ 🙂
ดีใจครับ แล้วสิ่งที่คุณส่งมาก็เป็นกำลังใจดีๆ ที่มีค่ามากจริงๆ ในเวลานี้ (กำลังลุยทำงานเล่มใหม่อยู่)
ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ค่อยรู้เลยโลกภายนอกเป็นยังไงบ้าง
ยินดีนะที่ได้รู้จักเด็กติ๋มอีกคนที่อยู่โลกภายนอก

นัดกับนิ้วกลม(โตเกียวไม่มีขา)แล้วแหละว่า ถ้ามีประเทศไหนอวัยวะหายไปอีก จะไปลุยด้วยกัน 🙂

สุขง่ายๆ ทุกข์น้อยๆ
เราเอง
ติ๋มในกะลา

นี่บ้านเรา
http://baipadPhanumas.hi5.com

———————————

เราจำได้ว่าตอนเด็กๆ เราชอบอ่านหนังสือเรื่อง “ห้าสหายผจญภัย” The Famous Five ที่เขียนโดย Enid Blyton มากๆ มีทุกเล่มเลย ประมาณ 21 เล่ม แล้วเราก็เลยเขียนจดหมายไปหาผู้แปลหนังสือเรื่องนี้ คุณกัณหา แก้วไทย วาดรูปอะไรเยอะแยะเลย ในจดหมาย

แล้วคุณกัณหาก็ตอบมา บอกว่าเราวาดรูปเก่งจัง น่าจะเรียนด้านสถาปัตย์ตอนโต ให้ตั้งใจเรียน

เราน่าจะตั้งใจเรียนนะเนี่ย เด็กๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย ไม่น่าโตมาแล้วเกเรเลย

Dunkin’ Donuts

Dunkin’ Donuts

ตื่นตอนน้องก้อยส่ง SMS มาหา คิดถึงน้องก้อย ก็เลยจะไปหาที่ธรรมศาสตร์ ก่อนไปก็กินข้าวเที่ยงกับพ่อแม่ก่อน จากนั้นก็ไป TOPS ไปซื้อ Dunkin’ Donuts 20 ชิ้น ไปฝากน้องก้อย เพื่อนน้องก้อย และรุ่นน้องของน้องก้อย และก็ไปซื้อสปาเกตตี้ให้น้องก้อยที่ S&P

พอดีเพิ่งทราบมาว่า Dunkin เค้าชนะ Starbucks ในการเทสต์แบบไม่บอกว่านี่คือกาแฟยี่ห้ออะไร (Blind Taste) ผลที่ออกมาพบว่าคนอเมริกันเลือกกาแฟของ Dunkin มากกว่าของ Starbucks

ไปถึงธรรมศาสตร์ตอนบ่ายสามโมง และก็รอน้องก้อยซ้อมหลีดจน 16.30 น. ฝนตกรถติดตลอดทาง น่าเบื่อจริงๆ

ระหว่างทางกลับบ้าน ผิงโทรมาหา ผิงเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนโรงเรียนเบญจมินทร์ อยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาล จนประถม 5 ผิงจะช่วยเราหางาน น่ารักมากเลย ขอบคุณนะจ๊ะ คุยกับผิงแล้วก็ตลกดี นึกถึงตอนเด็กๆ

ผิงถามว่านี่ไปส่งน้องก้อยมาเหรอ แหม… ถามแบบนี้ แสดงว่าเป็นแฟนบล็อก Juth.Net เพราะขนาดไม่ได้คุยกับมามากกว่าสิบปี ยังรู้ว่ากิจวัตรประจำวันมีแค่นี้ คือไปรับไปส่งน้องก้อย 🙂

ผิงบอกว่าดู hi5 ของเราแล้ว หวานมาก ยิ่งอัลบั้มหัวหิน ยิ่งหวานนนน เลยถามว่าเรารู้จักน้องก้อยได้อย่างไร และก็ถามว่า “น้องก้อยเค้ามาติดใจอะไรส้ม ถึงได้เป็นแฟนกันนี่” อิอิ ไม่รู้เหมือนกัน น้องคงหลงผิด ใช่ป่ะจ๊ะ

Valuable

วันนี้อยู่บ้านทั้งวันเลย อ่านหนังสือ “เสียดาย…คนอินเดียไม่ได้อ่าน” จนจบเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่อยากไปอินเดียเลย อิอิ ชอบข้อคิดในเรื่อง ที่หญิงสาวชาวนิวซีแลนด์ชื่อ “ทูยย์” ได้บอกกับผู้เขียนว่า

ทุกคนน่ะ มีคุณค่านะ ถ้าไม่ค่อยมีคนเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่อาจจะถูกเก็บไว้ รอคนตาดีๆ มาเห็น…เหมือนแฟนเธอไง

ถ้าเราไม่ได้เป็นคนสำคัญมากของใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไร้ค่า เราคงไม่สามารถเป็นคนมีค่าสำหรับคนทุกคนได้ คนที่นั่งคร่ำครวญว่าตัวเองไร้ค่า ก็อาจจะกลายเป็นคนไร้ค่าไปเสียจริงๆ

อ่านหนังสือของใบพัดทีไร ก็รู้สึกดีทุกที วันนี้กดสมัครงานไปหลายที่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ช่วงนี้งานก็หายากเหลือเกิน

คิดถึงน้องก้อยจังเลย ตอนนี้ทำอะไรอยู่นะหมีน้อย

Department of Employment

เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน

ไปขึ้นทะเบียนคนว่างงาน ที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 9 ตรงถนนนวมินทร์ ถ้าจำไม่ผิดเรามาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว เหมือนจะเป็นเดจาวูเลย ทำไมเราต้องไม่มีงานทำ ในทุกช่วงเวลานี้ของปีด้วยน๊า ก่อนไปก็เตรียมเอกสารให้ครบ มีสำเนาบัตรประชาชน และก็สำเนาหน้าแรกบุ๊คแบงค์ ระหว่างไม่มีงานทำเค้าจะให้เงิน 30% ของเงินเดือน เป็นจำนวน 90 วัน

เมื่อคืนนอนอ่านหนังสือ ฟินแลนด์ไม่มีแขน จนจบ ชอบมากเลย ชอบสิ่งที่ “พี่นก” ได้สอนผู้เขียน “ใบพัด” ว่า

อย่านึกว่าทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแล้วโลกทั้งโลกจะเอ็นดูทะนุถนอม หรือเที่ยวไปโอดครวญชีวิตลำเค็ญของตัวเองให้ใครฟัง แล้วนึกว่าเขาจะสงสารเรา มันไม่จริงหรอก ไม่เลย ไม่มีใครเขาสนใจปัญหาของเราอย่างแท้จริง เรื่องทุกข์ใจของเรา เป็นแค่เรื่องที่ทำให้คนอื่นสบายใจ ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา

ตอนอ่านเรื่องนี้ รู้สึกว่าผู้เขียนเหมือนเราเมื่อปีที่แล้ว กับปีนี้รวมๆ กันไงไม่รู้ เหมือนในแง่ที่ว่าตกงานเหมือนกัน เบื่อเป็นคนทำงานออฟฟิศ และโชคดีได้ไปต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียเงิน (เมื่อปีที่แล้วเราตกงาน แล้วก็ได้ไปสิงค์โปร์กับ Nokia ฟรีๆ)

ในหนังสือบอกว่าให้มองข้อดีของการตกงาน ว่าไม่ต้องเจอรถติดทุกวัน  ดูหนังที่อยากดู มีเวลาอ่านหนังสือ อยู่บ้าน ทำอะไรที่อยากทำ ก็จริงนะ ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ระหว่างที่หางานทำ เราก็นอนอ่านหนังสือ อยู่บ้านกับพ่อแม่ พี่นุ๊กพี่โอ๋ และน้องก้อย ดีกว่ามานั่งเครียด

วันนี้หลังจากไปสำนักจัดหางาน ก็ไปหาน้องก้อยที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ระหว่างรอน้องก้อยมา ก็ดูหนังสือที่แพร่พิทยาไปเรื่อยๆ ซื้อหนังสือ “คันจิไม่ยาก” มา ไว้หัดเขียน และจำ พอน้องก้อยมาก็ไปกิน Sukishi กัน และก็ไป C-plus ซื้อเกม RayCity Online มาเล่น

แล้วก็ไป Paragon น้องก้อยไปดูที่เรียนเต้น ไปดูที่ Bangkok Dance แต่เราว่าเราชอบที่สยามฯ มากกว่า นอกจากนั้นเราก็ถือโอกาสไปถามโรงเรียนสมุดไท ว่าเค้ารับครูสอนศิลปะไหม เค้าบอกว่ารับ ก็เลยคิดว่าไว้โอกาสหน้าจะเอาเอกสารมาสมัครงานที่นี่ด้วย

จากนั้นก็เดินไปซื้อหนังสือ “เสียดายคนอินเดียไม่ได้อ่าน” ของใบพัด (คนเขียนเดียวกับ ฟินแลนด์ไม่มีแขน) ที่ร้าน SE-ED

พรุ่งนี้จะอ่านหนังสือทั้งวันเลย

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.