Category: Movies


Australia – Starring Nicole & Hugh

Nicole Kidman & Hugh Jackman

ไปดูหนัง Australia กับน้องก้อยมารอบ 18.40 น. ที่ Emporium หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Nicole Kidman และ Hugh Jackman ซึ่งเป็นนักแสดงชาวจิงโจ้ทั้งคู่ นิโคลสวยมาก ตอนสะบัดแส้ใส่ นายเฟลชเชอร์ ยิ่งเท่ และฮิวจ์ก็หล่อมาก จะหล่อไปไหนคะ ล่ำหล่อเท่ ยิ่งฉากอาบน้ำนี่แบบ เอ่อ …

เป็นหนังที่นาน แต่ก็สนุกตลอดทั้งเรื่องเลย มีทั้งตลก เศร้า โรแมนติค ตื่นเต้น ครบทุกอารมณ์ ชอบเด็กลูกครึ่ง Nullah อ่ะ เจ้าเด็ก Creamy น่ารักมากๆ

ในโรงหนังส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเยอะ ตอนมีเพลงสรรเสริญฯ ก่อนหนังฉาย มีฝรั่งชายหญิง คู่หนึ่งไม่ยอมลุกขึ้นยืน คนก็มองกันทั้งโรง ฝรั่งคนอื่นเค้าก็ยืนกันหมด

มันดูหนังเรื่องนี้มันจะได้คิดอะไรบ้างไหม ว่าเพราะนิสัยไม่เคารพในสิ่งที่คนในประเทศเค้าเคารพกันน่ะ มันเป็นอย่างไร คอยแต่คิดว่าอารยธรรม ความคิดของตัวเองนั้นดี เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็น่าจะหลิ่วตาตามบ้างนะ

ไปดูหนัง Happy Birthday มาแล้ว

Happy Birthday

เมื่อวานไปดูหนังเรื่อง Happy Birthday ที่ Paragon รอบ 21.00 น. ตอนแรกเลือกซื้อที่นั่งแถว A แต่ว่านั่งๆ อยู่ก็มี cockroach ตัวเล็กเดินอยู่บนที่นั่ง น้องก้อยก็กรี๊ดออกมา เลยขนย้ายข้าวของหนีไปนั่งแถว B กัน

หนังเรื่องนี้ภาพสวยมาก ตอนเริ่มเรื่องแรกๆ ก็จะเห็นถึงความรักที่เค้ามีให้กัน แต่พอถึงฉากรถมินิบัส ชนรถของนางเอกเท่านั้น เราก็น้ำตาไหลทันที และก็ไม่ได้หยุดไหลเลยจนหนังจบ น้องก้อยก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเรื่อง ออกมาจากโรงหนังหน้าเยินกันทั้งคู่

อนันดา เล่นเก่งมาก เล่นแบบถึงบท ส่วนนางเอกเรื่องนี้ 60% คือนอนไม่ได้สติอย่างเดียว คุณพงษ์พัฒน์เป็นผู้กำกับที่ดำเนินเรื่องเก่ง ไม่น่าเบื่อ ไม่ยืดยาว เวิ่นเว้อ แต่หนังจะสมบูรณ์กว่านี้มากๆ ถ้าคุณพงษ์พัฒน์เปลี่ยนคนที่เล่นเป็นพ่อแม่นางเอก เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพกว่านี้ ที่เล่นเก่งกว่านี้ เช่น คุณสุเชาว์ หรือดารารุ่นเก๋าๆ คนอื่น เพราะอนันดาเล่นส่งมาให้ซะดิบดี แต่พอตัดภาพมาที่พ่อแม่นางเอก เอ่อ… ทำไมแข็งแบบนี้ หมดกันเลย

มันดูไม่สื่อว่าพ่อแม่นางเอก ก็ต้องทำใจลำบาก ที่ต้องเห็นลูกเค้าในสภาพแบบนี้ ว่าเค้าตัองตัดสินใจให้เอาสายออกซิเจนออก มันน่าจะมี detail ในตัวละครมากกว่านี้ว่าทำไมเค้าถึงไม่ได้มาดูแลลูกเลย ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ บลาบลา

นอกนั้นหนังก็ดูดีหมด ดูแล้วต้องรีบมากอดแฟน ดีใจที่เรายังมีแฟนให้ดูแล

ปล. เราว่าเพลง “ถ้ายังรัก” ของ Crescendo เหมาะจะเป็น Soundtrack หนังเรื่องนี้นะ

แฮปปี้เบิร์ดเดย์

อนันดา กับ แอม ฉายนันทน์

หนังใหม่ของพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เรื่องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ นักแสดงนำเดียวกับหนังเรื่อง Me…Myself คือ อนันดา กับ แอม ฉายนันทน์ เคยคุยกับน้องก้อยว่าไปไหนก็เห็นแต่หนังที่อนันดาเล่น แบบว่าเยอะมากๆๆๆๆๆ แต่เค้าก็เล่นเก่งดีนะ ชอบอนันดา ตอนเล่นหนังเรื่อง Me…Myself และที่สำคัญนางเอก แอม ฉายนันทน์ เล่นเก่งมาก ดูธรรมชาติ

เลยชอบหนังเรื่อง Me…Myself  มาก เป็นหนังไทยที่คิดว่าดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง และภาพ เพราะฉะนั้นก็เลยอยากดูเรื่องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ผู้กำกับพงษ์พัฒน์คงไม่ทำให้ผิดหวัง 🙂

All Alone on Monday

ไปส่งน้องก้อยที่ตึกเรียน น้องก้อยเปิดเทอมวันแรกแล้ว ไปรอน้องก้อยที่หอสมุด อ่านหนังสือ เนปาลประมาณสะดือ จนจบไปเลย สนุกดี อ่านแล้วไม่ได้อยากไปเที่ยวเนปาล แต่ได้แรงบันดาลใจในการทำอะไรที่เป็นความฝันให้สำเร็จ

ชอบที่นิ้วกลมเขียนว่า “สูง – ย่อมมีสูงกว่าเสมอ และจะสูงกว่ากว่ากว่ากว่ากว่าต่อไปไม่รู้จบ ผู้ที่ต้องการอยู่สูงสุดนอกจากจะเหนื่อยแล้ว ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดอีกด้วย”

ตอนเที่ยงไปกินข้าวกับน้องก้อย และเพื่อนน้องก้อยอีกโขยง อัดแน่นมาในรถเล็กๆ ของเรา เรากินคะน้าหมูกรอบไข่เจียว แต่มันไม่อร่อย เหมือนข้าวผัดเบคอนของน้องก้อยเลยอ่ะ

จากนั้นเราก็ขับรถไปสัมภาษณ์งานแถวๆ เมืองทองธานี ขับเลยตึกไป เลยเอารถไปจอดที่ The Avenue แล้วนั่ง Taxi มาแทน เพราะเดี๋ยวจะช้ากว่าเวลานัด ถ้าต้องมารอกลับรถ

เราไปยืนรอพี่เค้าลงมารับ ก็มองๆ ว่ารอที่หน้าร้านไหนดี เหลือบไปเห็นร้าน Delifrance ก็เลยไปยืนตรงนั้น คือ ตอนนั่ง Taxi มา เราก็มองที่ใส่เอกสารเรา มันเป็นคำว่า Un Deux Troi (คือ 1 2 3 ในภาษาฝรั่งเศส) เราก็ครุ่นคิดว่า เราเรียนภาษาฝรั่งเศสตอน ม. ปลาย เราก็ยังจำคำบางคำได้ดี ไม่ลืม เป็นเรื่องที่ดีนะเนี่ย แล้วพอเดินมารอที่ร้าน Delifrance ก็คิดว่า ภาษาฝรั่งเศส นี่ก็อยู่ในชีวิตประจำวันจริงๆ อ่านป้ายชื่อร้านแล้วก็คิดว่า คนที่ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสคงอาจจะเคยอ่าน ร้านนี้ว่า เดลี่ฟรานซ์ แทนที่จะอ่าน เดลี่ฟรองซ์ บ้างหรือเปล่านะ ช่างไม่เท่เอาเสียเลย

และแล้วพอตอนโทรไปหาพี่เค้าว่ามาถึงแล้ว เราก็พูดว่า “ตอนนี้ส้มรออยู่หน้าร้าน เดลี่ฟรานซ์ นะคะ” … แป่ว …

การสัมภาษณ์ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พี่ทั้งสองน่ารักมาก จากนั้นเราก็เดินไปกรอกใบสมัครที่แผนก HR อีกตึกหนึ่ง แล้วก็นั่งรถ Taxi กลับมา The Avenue ไม่รู้จะทำอะไรดี ต้องรอน้องก้อยสอนท่าเต้นให้น้องๆ จน 21.00 น.

เลยไปดูหนังเรื่อง Max Payne ซึ่งมันเป็นเกมส์มาก่อนที่จะเอามาทำเป็นหนัง จริงๆ ไม่ได้อยากดู แต่มันไม่มีหนังเรื่องไหน จะเหมาะกับเวลา แถมบัตรก็ถูก 100 บาทเอง

เป็นการดูหนังคนเดียวครั้งแรก และในโรงหนังก็มีคนแค่ 4 คนเท่านั้น นั่งแถว D กันหมด ยกเว้นฝรั่งคนหนึ่ง นั่งอยู่ข้างหน้า พอต้องยืนตรงระหว่างเพลงสรรเสริญพระบารมี ฝรั่งมันก็นั่งเฉย ไม่ยืน สายตาคน 3 คน ก็มองไปที่มัน มันก็นั่งกระดิกเท้า และกินโค้กบ่อยมาก ไม่ธรรมชาติ ดูแปลกๆ คงรู้ว่าตัวเองทำอะไรที่มัน… ไม่น่ารัก

จริงๆ ถ้าเราไม่รู้วัฒนธรรม ความเป็นมา ของชาตินั้นอย่างแท้จริง เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูก และทำตามความคิดของเรา โดยไม่สนใจคนส่วนใหญ่ เราเป็นคนต่างถิ่น ก็ควรให้ความเคารพสิ่งที่คนในชาตินั้นเค้าเคารพกัน มันไม่ดีกว่าเหรอ มันดีกว่ามาทำตัวแบบนี้ เหมือนไม่ให้เกียรติประเทศที่มาอาศัยกันเลย

หนังเรื่องนี้ก็ไม่สนุกอีกต่างหาก เซ็งเป็ด ดูหนังเสร็จตอน 18.40 น. ก็ค่อยๆ ขับรถไปธรรมศาสตร์ ไม่ลืมซื้อโกโก้จากร้านดอยตุง ตรงปั๊ม JET (ปัจจุบันกลายเป็น ปตท) ไปฝากน้องก้อย

เดินไปในร้านบอกว่า “ช็อคโกแลตเย็นแก้วนึงค่ะ” คนขายมองหน้าเราเหมือนเราไปสั่งพิซซ่าถาดนึง เธอบอกเราว่า “ช็อคโกแลตไม่มี มีแต่โกโก้”

… อ่อ ค่ะๆ … กลัวแล้น

ได้อารมณ์เหมือนไปร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วสั่ง “โค้ก 2 ขวด”

คนขายจะบอก “ไม่มี! มีแต่เป๊ปซี่”

คนญี่ปุ่น (อาจจะประเทศอื่นด้วย เช่น เยอรมัน) จะเรียกเครื่องดื่มจำพวก โค้ก และเป๊ปซี่ ว่า “โคล่า Cola” เพราะว่ามันเป็นน้ำรส โคล่า จะต่างก็แค่ว่ายี่ห้อไหน Coca-Cola หรือ ว่า Pepsi หรือ ฯลฯ

ชื่อเดิมของ Pepsi ตะก่อนเค้าก็เรียก Pepsi-Cola (อันนี้พ่อบอก)

เหมือนกิน จอลลี่แบร์ โคล่า ก็คือรสโคล่า

เคยได้ยินฝรั่งตอบคำถามพนักงานที่ถามว่าจะสั่งเครื่องดื่มอะไรว่า “Cola, please”
พนักงานตอบว่า “No Cola, Coke ได้เปล่า” ด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น ทว่าสื่อสารเข้าใจ แต่ฝรั่งคงแปลกใจ เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตามน๊า เพราะวัฒนธรรมการดำรงชีวิต แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน

เฮ้อ อยู่คนเดียวเหงาจัง!

The Forbidden Kingdom

The Forbidden Kingdom

I want to see this film because I like Jet Li. I wanna see plenty of kung fu action. Jackie Chan and Li is like a dream team. I saw the tomatometer in rottentomatoes.com, this film reviews counted: 88 Fresh: 55 Rotten:33 Average Rating: 6/10.

Synopsis:
An American teenager who is obsessed with Hong Kong cinema and kung-fu classics makes an extraordinary discovery in a Chinatown pawnshop: the legendary stick weapon of the Chinese sage and warrior, the Monkey King. With the lost relic in hand, the teenager unexpectedly finds himself traveling back to ancient China to join a crew of warriors from martial arts lore on a dangerous quest to free the imprisoned Monkey King.

Sweeney Todd

Another reason to be excited for Christmas! I won’t miss this film. I’m Tim Burton’s fan. Based on the hit Broadway musical which tells the infamous story of Benjamin Barker, a.k.a Sweeney Todd

Love of Siam

Snoopy & Qoo

On Friday 23 November 2007, I went to The Siam Paragon to watch Love of Siam with N’Goy. I got out of the office at 5.30 PM. N’Goy was waiting for me at Star Bucks, Siam Paragon. N’Goy looked beautiful *♥o♥* She went to Sport Day at her school, Couvent De L’assomption with her friends. I arrived The Siam Paragon at 7.10 PM. We went to eat Japanese foods at Fumi in Food Hall. The show started at 7.20 PM. so we missed the beginning of the movie.

I wanted to see this movie because I listened to the director’s interview on EFM. He said he wanted the audiences to think “How much space do you have for people who different from you?”. He wanted to let them to see a different kind of love. Why would you want to be something you’re not?

I like this movie but I guess most of male audiences felt yuck. They expected to see a teenager love story but it turned to be something they didn’t want to see.

Sometimes love is just not enough. 2 people from 2 different places decide to live together. To have commitment. It takes something more than love. Every couple needs support from their parents or friends. They want you to bless them.

The scene that made me cry was the scene that Synjai asked her son to choose what he truly wants. The symbol of a girl or a guy to hang on the Christmas tree. She started to accept what her son is. To love him as he is.

It reminds me when I first told my Papa and Mama that I am lesbian. My Papa said “No matter what you are, you are still my daughter and I love you”. He’s the man.

Love is patient, love is kind. It does not envy, it does not boast, it is not proud. it is not rude, it is not self-seeking, it is not easily angered, it keeps no record of wrongs. Love does not delight in evil but rejoices with the truth. It always protects, always trusts, always hopes, always perseveres.

I have changed myself just for one reason. The reason is love. I want to make this love last forever. Even I have to swallow my pride and there’s nothing left to be me.

2 Movies A Day at Siam Paragon

Robert De Niro

After I got a full time job, I feel much more relax. I am worried only about the personal loans from the bank. I am waiting for it. I need it urgently to do the laser eye surgery. I took every job I could. There is a job that I’ve never thought I could even do but I’ve already put myself into it already. I will do it just because I love my family.

On October 5, 2007 I met Kris and P’Un Puwanart at GMM Grammy Place in the moning. I had lunch at Dee’s with Bua, Jib, Tee and Boyd and I went to Sanook Online Limited to sign the contract. After that I picked N’Goy up at Thammasat University. We went to Siam Paragon to watch a movie. I wanted to watch Stardust. N’Goy also wanted to watch Underdog so we watched them both. After watching Underdog, we had dinner at Kalapapruek Restaurant. N’Goy pouted at me because I fell asleep during the movie. I was tired. Anyway this movie made me think of Elf, my long gone beagle. He was an extremely lively, healthy and happy dog with a lot of personality. He loved all man kind and they seemed to love him back, probably because of his happiness. You couldn’t help laughing at him. I miss him.

Then we watched Stardust. It’s about a young man named Tristan (Charlie Cox) tries to win the heart of Victoria (Sienna Miller), the beautiful but cold object of his desire, by going on a quest to retrieve a fallen star. His journey takes him to a mysterious and forbidden land beyond the walls of his village. On his odyssey, Tristan finds the star, which has transformed into a striking girl named Yvaine (Claire Danes).

This movie has everything a fantasy movie should have, romance, clever witticisms, great acting and a fair dose of magic. Exciting, hilarious and equipped with wonderful imagery as well as unforgettable characters, Michelle Pfeiffer and Robert De Niro‘s especially, I challenge anyone to watch this movie without a smile. Robert De Niro and Michelle Pfeiffer were equally well-casted; DeNiro as that gay sky pirate. I laughed so hard at that one scene where Septimus comes on the ship. Pfeiffer played a decent villain, she had the right amount of melodrama and snide comments throughout the movie.

Robert De Niro’s Captain Shakespeare character is attempting to show ‘coming out’ in a positive light. I love it!

AfterElton.Com said that

But even if I was going to hold the character against the movie I’d still say I’m glad it had the stroy the way it did for two reasons – 1) The captain was outed in the end and the whole crew of cut throat pirates said “We knew and you’re still our captain.” They accepted him even though it was his biggest fear that he’d lose his reputation. 2) Several times in this storyline and two other running storylines in the movie the point was made, “Why would you want to be something you’re not?”

And in the end Robert de Niro flirts with a cutie.

Plus! And here is something I really want to know about – Who was behind this movie? It was SOOOOO gay. Ian McKellan was the narrator. Ruperett Everett was one of the princes and had some very brief scenes. The pro gay storyline.

Read the full article here

Couch Potato

Lady in the Water

I am being a couch potato this weekend. I watched 2 DVD movies and many programs on TrueVisions. I watched Material Girls on Saturday’s night. Hilary Duff played as Tanzie Marchetta. It’s about 2 wealthy sisters, both heiresses to their family’s cosmetics fortune, are given a wake-up call when a scandal and ensuing investigation strip them of their wealth. I was 100% disappointed with this movie. Terrible acting, dumb plot, unbelievably boring. I stopped it before it ends.

On Sunday, I watched Roxanne on HBO (I guess). I personally don’t like Steve Martin but this movie so perfectly showcases his talents, both physical and verbal. I was impressed with the sensitivity and deftness with which he played Cyrano de Bergerac in modern guise.

Then I watched Discovery Channel. The show was ‘Serial Killer’. It’s unbelievable that many girls want to marry with these killers. What’s wrong with these girls?

In the evening, I watched Lady In The Water with my parents. I thought it’d be spooky and creepy movie but it wasn’t. I highly enjoyed this movie. I like this memorable quote that the Lady said :

Men think they are alone in the world. That is not true. We are all connected. One act on one day can affect us all.

It’s so true . . .

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.