Latest Entries »

แผ่นเสียงตกร่อง

เพราะเสื้อแดง ทางรอยเตอร์เลยให้พนักงานทำงานจากบ้านได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้จำนวนผู้มาชุมนุมก็ไม่ได้เป็นจำนวนล้าน เหมือนที่ทางแกนนำประกาศไว้ น่าจะไม่ถึงแสนด้วยซ้ำ

เวลาเข้าไปฟังเสื้อแดงปราศรัยผ่านทางเว็บเสื้อแดง ฟังไปฟังมาก็พูดแต่ มาร์คขโมยตำแหน่งมา ไม่เป็นประชาธิปไตย อำมาตย์ๆๆ ไม่เคยพูดอะไรที่เป็นรายละเอียดได้ จะพูดได้แค่นี้

ยิ่งวันนี้ได้ฟังทักษิณ video link ก็ยิ่งเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จริงๆ ไม่ใช่เรื่องคนไทยไม่รักกันหรอก แต่มันเป็นเรื่องของความดี ความชั่ว เราปฏิเสธจะอยู่ร่วมกับความชั่ว

ณ จุดนี้ คนน่าจะรู้แล้วว่าทักษิณไม่ใช่คนดี และเสื้อแดงก็จะเผาบ้านเผาเมืองเพราะคนเพียงคนเดียว แต่ก็นะ พอเกิดเรื่องอะไรไม่ดี ก็บอกว่ามือที่สาม กับแดงปลอม

พ่อแม่ไม่อยู่

พ่อแม่หนีไปสวีทกันที่พัทยา 3 วัน 2 คืน แต่ก่อนแม่จะไปเที่ยว แม่ทำหมูเค็ม กับไส้แซนวิชไก่ ไว้ให้กิน กลัวลูกๆ จะอดตาย แต่วันนี้นอกจากหมูเค็มของแม่แล้ว (ด้านขวามือสุด) เรามีพ่อครัวจำเป็น คือ พี่โอ๋ แสดงฝีมือทำกับข้าวให้เราทั้ง 5 คนกินด้วย

ทำออกมาเยอะแยะมากมาย กินกันไม่หมด (เก็บไว้กินพรุ่งนี้ต่อ)

พรุ่งนี้ที่ Reuters ให้พนักงาน ทำงานจากบ้านได้ เพราะเสื้อแดงจะมาประท้วงที่สีลม

Daybreakers

หมู่นี้ดูหนังบ่อยมาก เป็นการฉลองน้องก้อยสอบเสร็จ แล้วก็จะปิดเทอมแล้ว …ฮือๆ ไม่ชอบปิดเทอมเลย (ถึงแม้จะทำให้รถว่าง)

ไปดู Daybreakers มา (หนัง Vampire อีกแล้ว เดี๋ยวนี้มีแต่หนังเกี่ยวกับ Vampire) แต่ Daybreakers เป็นหนังที่สนุกนะ เนื้อเรื่องน่าติดตาม เขียนเก่งอ่ะ  ถึงแม้เลือดจะสาดเต็มจอกันตลอดเวลา

Ethan Hawke ยังหล่อเหมือนเดิม อิอิ

หมวกกันน็อคช่วยได้

เจอรถมาชนท้ายอีกแล้วค่ะพี่น้อง คราวนี้ท่านเป็นมอเตอร์ไซต์ค่ะ ในตอนเช้าขณะที่รถกำลังติดแทบไม่กระดิก บนถนนลาดพร้าว เวลา 9.45 น. กำลังฟัง Greenwave อย่างเพลินๆ ก็มีเสียงดังปัง! เอาแล้วไง … งานยิ่งเยอะๆ อยู่ มองกระจกข้าง เห็นมอเตอร์ไซต์ล้มนอนอยู่ข้างหลัง

เราเดินลงไปดู ถามคำแรกว่า  “ขับไงฟะ” อิอิ ล้อเล่น … ถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” คุณมอไซต์กำลังยืนขึ้นเก้ๆ กังๆ เราก็เลยมองไปด้านข้าง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนถนน ข้างรถมอเตอร์ไซต์ท่าทางตกใจ คุณมอไซต์บอกว่า “เค้าข้ามถนนแล้วไม่ดู ผมหักหลบ แล้วล้มไถล เอาหัวมาชนกันชนรถคุณ” เรามองไปที่กันชนรถ จริงด้วย … กลมป๊อก เป็นรูปหัวคุณเลยค่ะ

ขณะนี้รถก็เริ่มบีบแตรลั่นถนน ประหนึ่งว่าดิชั้นเป็นเสื้อแดงมาปิดถนนอย่างงั้นแหละ ละเหี่ยใจจริงๆ แต่ก็เข้าใจว่ายิ่งอยู่นาน รถก็ยิ่งติดกว่าเดิม ผู้หญิงที่ข้ามถนนไม่ดู ก็รีบเดินจากไป ส่วนเราก็มองป้ายทะเบียนมอไซต์ แล้วบอกว่าไปหลบตรงหน้าคอนโด Le Champs Premium กันเถิดจะเกิดผล

เราเบียดจากเลนขวาสุด เข้าไปจอดหน้าคอนโด ส่วนมอไซต์ก็ค่อยๆ เข็นรถมา เราโทรเรียกประกัน MSIG ถ้าใครไม่รู้จะทำประกัันรถ กับที่ไหนดี ขอแนะนำ MSIG นะคะ บริการดีมาก มาเร็ว และสุภาพ ที่สุดของแจ้เลย

คุณมอไซต์เดินมาหาบอกว่า “ผมไม่มีใบขับขี่ และก็มีแค่ พ.ร.บ.”
เราก็แบบ “เอ่อ… งั้นไปหาใครมาทำเป็นขับแทนไหม เดี๋ยวจะโดนข้อหาไม่มีใบขับขี่”

เค้าก็โทรหาเพื่อนเข้าเยอะแยะ ว่าใครจะมาได้บ้าง เราก็โทรบอกแม่ เล่าให้แม่ฟังว่าคนขับไม่มีใบขับขี่ เราสงสารก็บอกว่าให้หาคนที่มีใบขับขี่จะได้ไม่มีปัญหา ซักพักเค้าก็เดินมาหาเราบอกว่า

“คุณช่วยคุยกับคนในโทรศัพท์ได้ไหม” เราก็นึกว่าประกัน หรืออะไร ก็รับมา
เสียงปลายสายบอกว่า “พี่ๆๆ พี่ช่วยบอกว่าพี่ผิดได้ไหม ประกันจะได้จ่าย เพราะเค้าไม่มีเงินจ่ายหรอก หรือไม่ก็ตกลงกันนอกรอบ แล้วพี่คิดว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ก็บอกมา”

อ้าว ไหงเป็นงี้ อ่าคะ เราก็อึ้งๆ ไป ตอบไปว่า “ไม่ได้หรอกค่ะ แจ้งประกันแล้วว่าโดนชน”
เค้าตอบว่า “ไม่เป็นไรๆ พี่บอกงี้นะ ว่าพี่จะเปลี่ยนเลนแล้วไม่ได้มอง แล้วตัดหน้ารถมอไซต์ ก็เลยชนท้ายเอา”
อะไรฟะ มันเรื่องอะไรกันนี่ เราไม่ได้ผิดซักหน่อย เราก็เริ่มกลัวละ ว่ามอเตอร์ไซต์จะหนี เราเลยตอบว่า “แค่นี้นะคะ”

คนขับมอไซต์ก็เดินมาคุยอีกบอกว่าให้เราพูดว่าเราผิด เราก็บอกว่าไม่อ่ะค่ะ เราเดินเลี่ยงไปไกลๆ โทรหาประกันว่า เค้าจะให้เรารับผิด ทางประกันบอกว่า พี่ไม่ต้องพูดกับเค้าเลยนะครับ รอเจ้าหน้าที่เราไปถึง แล้วเราจะจัดการทุกอย่างให้

ซักพักเค้าก็เดินมาบ่นว่า ประกันอยู่ไหนเหรอครับช้าจัง … เราว่าเราควรจะเป็นคนบ่นมากกว่านะเนี่ย งานเต็มเลย และมันก็ยังไม่ได้นานอะไรขนาดนั้นเลย เค้าคงร้อนใจมั้ง เพราะว่าคงจะต้องจ่ายเงิน

พอประกันมาก็จัดการทุกอย่างให้หมดเลย ไม่ต้องทำอะไรเลย เราบอกเจ้าหน้าที่ว่า เค้าจะให้บอกว่าเราผิด เจ้าหน้าที่หัวเราะแล้วบอกว่า จะเป็นงั้นได้ไงครับ ถ้าเราไปตัดหน้าเค้า แล้วหัวเค้าจะพุ่งมาชนกันชนเราได้ไง

พอทุกอย่างเสร็จ คุณมอไซต์ก็เดินมายิ้มให้เรา บอกว่า ผมไปก่อนนะครับ เราก็มองหน้าเค้า มองไปที่หมวกกันน็อคที่เค้าใส่ ว่าถ้าไม่มีหมวกนี้ เค้าคงหัวแตกเลือดสาดไปแล้ว เรื่องมันคงจะแย่กว่านี้มาก เค้ามองหน้าเรากลับ แล้วถามว่า “ครับ?”

เราบอกว่า “เปล่าค่ะ …”

พอคนเราถึงคราวคับขัน มันก็บีบบังคับให้เค้าต้อง “โบ้ย ความผิดให้คนอื่นเนอะ” คิดแล้วนึกถึงคนหน้าเหลี่ยมจริงๆ (เกี่ยวกันไหมนะ)

The Book of Eli

ไปดู The Book of Eli มาแล้ว ที่เซ็นทรัลเวิลด์ สนุกดีนะ ดูแล้วไม่น่าเบื่อ ในที่สุดก็ได้ดูหนังที่สนุก หลังจากดู Avatar เราชอบ plot เรื่อง ที่พระเอกทำตามความศรัทธาในพระเจ้า ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ไม่อยากจะใช้น้ำสิ้นเปลืองเลย เป็นหนังอีกเรื่องที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนใช้พลังงานอย่างประหยัด นางเอกถามว่าโลกในอดีตเป็นอย่างไร พระเอกตอบว่าใช้ทุกอย่างที่ตอนนี้มีค่า อย่างสิ้นเปลือง และไม่รู้คุณค่า

ช่วงนี้เป็นช่วงที่หนังประเภทวันสิ้นโลกจะเยอะมาก คงเป็นเพราะมันเป็นประเด็นสำคัญในตอนนี้ และคนสร้างหนังก็อยากจะกระตุ้นจิตสำนึกของคนดู ให้หันมาช่วยโลกกันก่อนที่มันจะแย่ไปมากกว่านี้

ที่บ้านเรา จะแยกขยะอย่างจริงจัง โดยมีคุณแม่เป็นผู้นำ มาหลายปีแล้ว แม่จะแยกขยะกระดาษ กระป๋อง พลาสติก อาหาร เป็นหลายๆ ถังขยะ เราว่าคนเก็บขยะจะต้องชอบเก็บขยะบ้านเราแน่ๆ

เวลาซื้ออาหารถุงมากินที่บ้าน ก็จะมีหนังสติ๊ก เยอะแยะมากมาย แม่จะเก็บรวบรวมไว้ ล้างให้สะอาด แล้วก็เอาไปคืนให้ร้านค้าต่างๆ ได้ใช้ต่อ จะได้ไม่เสียเปล่า

ส่วนเวลาเราไปชอปปิ้ง เราก็จะพกกระเป๋าชอปปิ้งใบใหญ่ๆ ไป จะได้ไม่ต้องรับถุงพลาสติกจากผู้ขาย ทุกคนช่วยกันได้ โดยเริ่มจากที่บ้านตัวเองก่อน

The Imaginarium of Doctor Parnassus

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไปตัดผม ไปชอปปิ้ง และก็ไปดูเรื่อง The Imaginarium of Dr. Parnassus รอบ 21.30 น. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ อยากดูเรื่องนี้เพราะแค่ชื่อ ก็น่าดูแล้วใช่ไหม “ดร.พาร์นาซัส ศึกข้ามพิภพสยบซาตาน” และดาราที่เล่นก็ จู๊ด ลอว์, จอห์นนี่ เด็ปป์, คอลิน ฟาร์เรล และ ฮีธ เล็ดเจอร์ งี้

แต่ทว่า … อีกแล้วคับท่าน… มันช่างเป็นหนัง indy ซะเหลือเกิน ดูแล้วเหมือนจะไม่ได้อะไร แต่ก็ได้อะไร (บ้าง) ฮ่าๆ

เฮ้อ อยากไปดู The Book of Eli คัมภีร์พลิกชะตาโลก

เมื่อวันก่อนโน้น ดูวู้ดดี้เกิดมาคุย แล้วมี นก ยลดา มาออก เราไม่เคยรู้จัก นก ยลดา มาก่อนเลย ไม่ทราบว่าเค้าเป็นใคร เราก็นั่งดูรายการด้วยความสนใจว่า เค้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

แต่ดูเหมือนว่า พิธีกรจะเชิญคุณนก มาออกรายการด้วยความอยากให้คุณนกโดนต้มยำทำแกงซะเละมากกว่า เพราะตัวพิธีกรก็ดูจะดูแคลนความคิด และสิ่งที่คุณนกเชื่ออยู่ไม่น้อย ดูจากสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง แถมแขกรับเชิญที่เชิญมา ก็ยังให้ความเห็นในทางตรงข้ามกับคุณนก ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น คุณมัม และคุณจิ๋ม มันก็ไม่แฟร์กับคุณนก

เรากำลังอยากฟังว่าผู้หญิงข้ามเพศคืออะไร แล้วที่ WHO อธิบายไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่คุณนกกล่าวถึง เค้าพูดว่าอะไร แต่ตลอดรายการ มันเหมือนเสี้ยมให้เกิดการโต้เถียง เลยไม่ทราบเนื้อหาอะไรใดๆ ทั้งนั้น  ดูแล้วนึกถึงคุณไตรภพ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นพิธีกรชอบอวย ชอบชมจนเว่อร์ เราก็ไม่ชอบการชมจนเว่อร์ของคุณไตรภพ แต่ถ้าคิดให้ดี คนทุกคนย่อมเหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ด้านดี และด้านไม่ดี ถ้าคุณจะเชิญใครมาซักคน โดยที่คุณก็เย้ยหยันเค้า แล้วเราจะนำเสนอสิ่งที่เค้าต้องการบอกได้ไง เนื้อหามันไม่มี หรือเดี๋ยวนี้รายการที่จะฮิต คือรายการที่ต้องแรงๆ เกิดเหตุการณ์แรงๆ ถึงจะดัง แถมรายการก็มีการตัดต่อคำพูดของคุณนก ออกไปตั้งเยอะ

ถ้าให้สัมภาษณ์คุณนก ดีๆ แล้วปล่อยให้คนดูได้คิดเองว่า ความคิดของคุณนกถูก หรือไม่ถูก ไม่ดีกว่าเหรอ

เท่าที่ฟังจากในรายการ เราไม่เห็นด้วยกับคุณนกในหลายอย่าง และเราว่าถึงจะให้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้ หรือแต่งงานได้ มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ คนที่ไม่ยอมรับ ไม่ชอบ รังเกียจเพศที่ 3 เปลี่ยนความคิดได้หรอก เราไม่เห็นประโยชน์ เราควรเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองมากกว่า เป็นกระเทย เป็นทอม ก็เป็นให้มีคุณภาพ ยอมรับในสิ่งที่เป็น และก็ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์

ใจความสำคัญในการดำรงชีวิต มันไม่ได้อยู่ที่ตรง ทำให้คนคิดว่า เราคือผู้หญิงนะ เราคือผู้ชายนะ โดยส่วนตัวเราคิดว่า เราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้หรอก หรือบังคับใครให้มาเข้าใจในตัวเรา แต่เราเลือกทำชีวิตเราได้ เราต้องเป็นคนเก่ง เป็นคนดี เป็นอะไรที่สร้างสรรค์เพื่อสังคมได้ โดยไม่ต้องมานั่งคิดว่า เราต้องเป็นอะไร ต้องมีป้ายบอกว่า เราเกย์นะ เราทอมนะ เราดี้นะ เรากระเทย

กระเทยบ้าๆ ก็มีเยอะ  ทอมบ๊องๆ ก็มีเยอะ ก็เหมือนผู้ชาย ผู้หญิง ที่ก็มีดี มีเลว แต่แค่ว่าพอเป็นเพศที่ 3 มันจะมีป้ายต่อมาให้ เช่น ถ้ามีลงหน้า 1 มันจะเป็น “เกย์เฒ่าถูกฆ่าตาย” “ทอมหึงหวงฆ่าดี้” เหมือนเป็นยศ เป็นป้ายที่ต้องมี จะไม่ใช่ “ชายแก่ถูกฆ่าตาย” “ผู้หญิงฆ่าคู่รัก” มันเป็นอะไรที่ต้องระบุลงไป เพื่อบรรยายคนๆ นั้้น ทำให้คนอ่านข่าวรู้สึกว่า พวกกระเทย ทอมดี้ นี่มันโรคจิตนะ ฆ่ากันตายอีกละ น่ากลัว ทั้งๆ ที่ผู้ชาย ผู้หญิงฆ่ากันตายออกจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่ามาก

ถ้าเราต้องใส่ใจกับทุกอย่าง มันก็น่าปวดหัวนะ อย่างถ้าเราเจอผู้ชายที่แค่เห็นทอม ต่อมความเกลียดก็พุ่งกระจายแล้ว เราก็คงอยู่อย่างไม่มีความสุขใช่ไหม กับคำพูดที่ว่า

“ผู้หญิงก็ต้องคู่กับผู้ชาย”
“แรกๆ ผู้หญิงก็ต้องคบทอม พอสุดท้ายก็แต่งงานกับผู้ชาย”
“นิ้วหรือจะสู้…อุ่นๆ ได้”
“โดนทีเดียว ก็หายทอมแล้ว”
“รับซ่อมทอม”
“ลองกระเทยมายุ่งกับกูนะ กูจะถีบให้คว่ำ” (แต่ได้เคยถามเค้าไหม ว่าเค้าอยากจะยุ่งกับแกหรือเปล่า)
“ไม่อยากมีลูกดูแลตอนแก่เหรอ”

คนพูดก็สะใจ ที่ได้พูด ได้แสดงความเป็นชายออกมาละ สบายใจไปทั้งวัน

บางทีเราเห็นทอมบางคน มันก็น่าหมั่นไส้จริงๆ น่ะแหละ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งกอดทั้งหอมดี้ หรือตะโกนวะ เว้ย เฮ้ย ดังลั่น แสดงความเป็นทอมห้าว เห็นแล้วก็คิดว่า เพราะพวกแกนี่ล่ะ คนเค้าถึงเกลียดทอม

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาพ่อแม่ไม่ยอมรับลูกที่เป็นเพศที่ 3 เป็นปัญหาที่จะไม่มีวันหายไป เพราะพ่อแม่ที่แต่งงานกัน มีลูกได้ เค้าก็ต้องเป็นชายจริง หญิงแท้ ซึ่งแน่นอน ย่อมไม่เข้าใจการเป็นเพศที่ 3 ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ชอบเพศตรงข้าม

นอกจากเด็กบางคน จะโชคดี เจอพ่อแม่ที่รักลูกในสิ่งที่ลูกเป็น มากกว่าสิ่งที่อยากให้เป็น หรือไม่พ่อแม่บางคน ก็เป็นซะเอง แต่ยังไม่รู้ตัวเอง จนมารู้ตัวตอนแก่ ว่าชอบเพศเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมาอีก

ทั้งหมดทั้งมวล เป็นเกย์ เป็นทอม เป็นดี้ เป็นกระเทย แล้วชีวิตมีแต่ปัญหาจะตาย มีแต่อะไรก็ไม่รู้ ถ้าใช้สมองคิด คงเลือกที่จะไม่เป็นมากกว่า จะได้สบาย แต่เรื่องแบบนี้ ใช้สมองบวกลบข้อดี ข้อเสียไม่ได้ แต่ต้องมาจากใจ ซื่อสัตย์กับใจตัวเอง เราจะได้ไม่ไปทำปัญหาให้ใคร

เหมือนที่พ่อเคยพูดกับเราว่า “จะเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดีก็พอ

ขนม Eat Me First

หิวเมื่อไหร่ก็เปิดตู้เย็น เจอขนมของ Eat Me First เต็มตู้ ขนมที่เราชอบมากที่สุด คือ Lime Pie (พายมะนาว) รองลงมาก็ Banana Choc Mousse อร๊อยอร่อย

เมื่อวานที่ตึกอื้อจือเหลียง มีซ้อมหนีไฟตอน 16.00 น. บางคนก็ชิงลงลิฟท์มาก่อนที่สัญญาณจะดัง ส่วนเราก็นั่งทำงานติดพัน กลัวลืมว่าทำไปถึงไหน คิดว่าไว้ค่อยลงก็ได้ มันคงไม่ได้หนักหนาอะไร

พอสัญญาณดังลั่นกระหึ่มออฟฟิศ เราก็เดินลง … โห จากชั้น 30 ลงมาชั้น 1 พอถึงชั้น 20 ก็ไม่ไหวแล้วอ๊ะ แบบเมื่อยมากๆ จะตาย กว่าจะลงมาถึงชั้น 1 เหมือนจะเป็นลม เค้าซ้อมหนีไฟกันประมาณ 40 นาที เราเลยเดินไป Silom Complex ไปนั่งเล่นเนต เล่น Facebook แล้วก็เดินกลับมาทำงาน

ผลของการเดินลงมา ทำให้วันนี้ปวดขามาก ตึงไปหมด เดินแล้วเจ็บขามาก เวลาเดินต้องเดินช้าๆ ตอนขากลับบน MRT ดีนะ ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเอา Laptop ไปถือให้ ทำให้ไม่หนัก ขอบคุณนะคะ

ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือรถใต้ดิน สิ่งที่เห็นได้คือ ผู้คนไม่ค่อยชอบ “ชิดใน” ชอบยืนออ กันบริเวณประตู ถ้าเป็นรถเมล์คงมีกระเป๋ารถเมล์ คอยตะโกนให้ “ชิดในหน่อยเพ่” แต่พอเป็นรถไฟฟ้า กับรถใต้ดิน ต้องอาศัยประกาศอย่างสุภาพให้เดินเข้าไปด้านในขบวนรถ เพื่อให้ผู้โดยสารท่านอื่นเข้ามาได้ ซึ่งประกาศไปก็เ่ท่านั้น คนก็ยังยืนอยู่ที่เดิม เราสงสารผู้โดยสารสถานีถัดจากสีลมมาก เพราะแค่คนจากสีลมขึ้นมา มันก็เยอะมากแล้ว

เวลาชิดในของรถไฟฟ้า เราว่าดีออก เพราะเปอร์เซนต์การได้นั่งก็มี (ถ้ามีคนลุก) ถ้ายืนตรงประตู จะได้นั่งก็ต่อเมื่อรถโล่งมากแล้ว

ทำไมคนถึงไม่ยอมชิดใน ถ้าจากที่เราสังเกตคงเพราะมันเดินออกง่ายดี ไม่ต้องเบียดจากด้านใน ออกสู่ประตูได้เลย กับอีกเหตุผลก็น่าจะเป็น การโดน “จ้อง” จากคนที่นั่งอยู่ เพราะคนนั่ง ก็ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหน ถ้ามีคนมายืนตรงหน้า ก็ต้องจ้องมองในระดับสายตา ใส่กางเกงอะไร กระเป๋าอะไร รองเท้าอะไร

เราชอบเดินไปชิดด้านใน เพราะตรงประตูมันเบียดมาก แต่มีอยู่วันหนึ่ง ไม่มีใครอยู่ด้านในเลย มีเราคนเดียวโด่เด่ เกร็งมากเลย คิดในใจว่า กระดึ๊บๆ ไปที่ประตูดีไหมเนี่ย อิอิ

Powered by WordPress | Theme: Motion by 85ideas.